พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT กล่าวถึงกรณีการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 13 ล้านบาทว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากถูกคนร้ายโทรศัพท์เข้ามาหาผู้เสียหายโดยอ้างว่าเป็นข้าราชการระดับสูง หรือนายตำรวจระดับสูง และแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนร่วมกับคดีค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีให้โอนเงินมายังบัญชีธนาคารของคนร้าย ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไป มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 14 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการเทคนิคและสืบสวนที่ 1 PCT สืบสวนสอบสวนจนพบว่าเครือข่ายแก๊ง Call center แบ่งหน้าที่กันเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
1. คนร้ายระดับสั่งการ จำนวน 2 ราย
2. คนร้ายทำหน้าที่เป็นม้าถอนเงิน จำนวน 2 ราย
3. คนร้ายทำหน้าที่จัดการทางการเงินหรือ โพยก๊วน จำนวน 1 ราย
4. คนร้ายทำหน้าที่จัดหาบัญชีและเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 4 ราย
5. คนร้ายที่ติดต่อหลอกลวงผู้เสียหาย อยู่ระหว่างสืบสวน น่าเชื่อว่าตั้งอยู่ต่างประเทศ
จากนั้นจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ สน.พญาไท ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุรับคำร้องทุกข์ ดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับคนร้ายจำนวน 8 ราย จับกุมได้แล้ว 5 ราย ส่วนที่เหลือจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว จากการตรวจค้นพบ บัตรอิเลกทรอนิกส์ จำนวน 32 ใบ, เครื่องบันทึกข้อมูล Chip Card จำนวน 1 เครื่อง, คอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง โดยผู้ต้องหาแต่ละคนรับว่าตนเองมีหน้าที่ตามคำสั่งของหัวหน้า เช่น ให้ไปถอนเงินจากบัญชี, ให้จัดหาบัญชี, ให้ฝากเงินไปยังบัญชีอื่นๆต่อ โดยผู้ต้องหาจะได้รับส่วนแบ่งจากเงินที่ถอนออกมา 2-3% แล้วแต่หน้าที่ เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุดูดเงินจากบัตรเดบิตและบัตรเครดิตว่าว่า ล่าสุดทางธนาคารแจ้งมาว่าได้คืนเงินให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายแล้ว ก็ยังยืนยันตัวเลขความเสียหายเดิมจากบัตรเดบิตประมาณ 4,800 ราย ความเสียหาย 30 ล้านบาท บัตรเครดิต 5,300 ราย ความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท จากนี้ทางธนาคารจะทยอยมาร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ในวันที่ 28 ตุลาคม และเมื่อธนาคารรวบรวมข้อมูลมาให้ก็จะเห็นแนวทางการสืบสวนว่าใครเป็นผู้กระทำผิดบ้าง
ผอ.PCT กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งมีการหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media เป็นจำนวนมาก ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยเร่งระดมปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน หลังจากนี้จะได้แจ้ง ปปง.ให้ตรวจสอบเพื่อยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อไป หากพบเบาะแส หรือเกรงจะตกเป็นเหยื่อ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ สายด่วน PCT 1599 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง 08-1866-3000 หรือ www.pct.police.go.th