นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย (ก.ล.ต.) ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันพุธที่ 27 ตุลาคม 2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้แทนจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนเข้าร่วมประชุม ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 และการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการของมาตรการของตลาดเงินและตลาดทุนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย (เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19) รวมทั้งให้ความเห็นชอบการกำหนดแนวทางและทิศทางของแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 การดำเนินงานภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนฯ ประจำปี 2563 ประกอบด้วย 7 มาตรการหลัก 17 มาตรการย่อย และแผนงานสนับสนุน 65 แผนงาน โดยแบ่งเป็น
(1) การเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) / วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และนวัตกรรม (2) การเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (3) การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย (4) การพัฒนาให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมโยงของภูมิภาค (5) การมีแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุ (6) การพัฒนาตลาดทุนดิจิทัล และ (7) การส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 มีแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 32 แผนงาน
2. ความคืบหน้าการดำเนินการของมาตรการของตลาดเงินและตลาดทุนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย (เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านตลาดทุนและตลาดเงินที่ได้มีการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
2.1 การดำเนินมาตรการของสำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีมาตรการช่วยเหลือกิจการที่ประสบปัญหา COVID-19 ใน 3 ด้าน ได้แก่ 2.1.1 ด้านการช่วยเหลือกิจการที่ประสบปัญหา COVID-19 มีการเสริมสภาพคล่องให้กิจการที่กำลังประสบปัญหา/ช่วยเหลือกิจการที่ประสบปัญหาแล้วผ่านมาตรการต่าง ๆ อาทิ มาตรการ REITs with Buy Back Condition มาตรการPrivate REITs มาตรการ High Yield Bond Fund เป็นต้น 2.1.2 ด้านการเปิดช่องทางและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาดทุนอาทิ การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุนในขั้นตอนการเปิดบัญชี รวมทั้งพัฒนาแบบฟอร์มมาตรฐาน และปรับปรุงหลักเกณฑ์การทำความรู้จักลูกค้าด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 2.1.3 ด้านสร้างความเข้มแข็งและ Resiliency มีส่วนช่วยสร้างความยั่งยืน อาทิ การสนับสนุนการระดมทุนที่ช่วยส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และลดความเสี่ยงเชิงระบบ เป็นต้น
2.2 การดำเนินมาตรการของ ธปท. ได้มีมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินใน 2 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 2.2.1 มาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ อาทิ (1) มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (สินเชื่อ soft loan) (2) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อให้ SMEs สามารถประคับประคองกิจการและรักษาการจ้างงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 (3) มาตรการสนับสนุนสภาพคล่องให้กับสถาบันที่ให้ความช่วยเหลือแก่กองทุนรวมตราสารหนี้ (4) มาตรการกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ เป็นต้น 2.2.2 มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ของประชาชนและภาคธุรกิจ อาทิ (1) โครงการ “พักทรัพย์ พักหนี้” (2) มาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ที่ยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ (3) มาตรการเพื่อรักษาสภาพคล่องเดิมและเติมเงินใหม่ เป็นต้น
2.3 การดำเนินมาตรการของสำนักงาน คปภ. ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงออกมาตรการด้านประกันภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ได้รับผลกระทบด้านประกันภัยประกอบด้วยประชาชนและผู้ประกอบการบริษัทประกันภัยและคนกลางประกันภัย
2.4 การดำเนินมาตรการของ ตลท. ได้มีการดำเนินมาตรการได้แก่ (1) มาตรการดูแลความผันผวนในตลาด (2) มาตรการที่สำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติให้ ตลท. ใช้เป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนของตลาดและ (3) มาตรการช่วยเหลือผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ การลดค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ร่วมตลาด และการปรับรูปแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจในภาวะการระบาดของCOVID-19 เป็นต้น
2.5 การดำเนินมาตรการของ FETCOได้มีส่วนร่วมในการเสนอมาตรการ อาทิ (1) มาตรการขอผ่อนปรนเงื่อนไขการหยุด เลื่อน นำส่งเงินสะสม/สมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (2) มาตรการจัดตั้งกองทุนรวม SSFX เป็นต้น
3. แนวทางและทิศทางของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (ปี 2565 - 2570)ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบการกำหนดแนวทางและทิศทางของแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับต่อไป ซึ่งกำหนดให้สอดรับกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจโลกอย่างรอบด้าน ดังนี้ (1) การส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินผ่านกลไกตลาดทุน (Accessibility) (2) การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย (Competitiveness) (3) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับตลาดทุน (Digital for Capital Market) (4) ตลาดทุนยั่งยืน (Sustainable Capital Market) และ (5) การสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีในระยะยาวครอบคลุมถึงวัยเกษียณ (Financial Well-being)
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 4 ต่อไป