นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ได้ปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดจำแนกตามระดับพื้นที่สถานการณ์ให้สอดคล้องกับการระบาดและรองรับแผนการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว สำหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็น 7 จังหวัด ได้แก่ จ.จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ สงขลา พื้นที่ควบคุมสูงสุด 38 จังหวัด พื้นที่ควบคุม 23 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด 5 จังหวัด โดยในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดยังคงห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 23.00-03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 พ.ย.64
ขบ. จึงได้มีคำสั่งขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ และการขนส่งสินค้า โดยให้มีผลต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 พ.ย.64 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น โดยให้ผู้ประกอบการขนส่งในเขตพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (จ.จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ สงขลา) ปฏิบัติดังนี้
การให้บริการรถโดยสารประจำทางในเส้นทางระหว่างจังหวัด เส้นทางหมวด 2 หมวด 3 และรถโดยสารไม่ประจำทางที่มีท้องที่ทำการขนส่งทั่วราชอาณาจักร ในเขตพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวด งดให้บริการเดินรถตั้งแต่เวลา 23.00-03.00 น. ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 15 พ.ย.64 และการให้บริการรถโดยสารประจำทาง เส้นทางหมวด 1 หมวด 4 และรถโดยสารไม่ประจำทาง ในเขตพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้เป็นไปตามคำสั่งคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด งดให้บริการเดินรถตั้งแต่เวลา 23.00-03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น จนถึงวันที่ 15 พ.ย.64
สำหรับผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ในเขตพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวด งดการขนส่งสินค้าในระหว่างเวลา 23.00-03.00 น. จนถึงวันที่ 15 พ.ย.64 เว้นแต่บุคคลที่มีความจำเป็นในการขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ได้แก่ ผู้ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตทางการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิง ไปรษณีย์ พัสดุภัณฑ์สิ่งพิมพ์ หรือสินค้าเพื่อการส่งออกหรือนำเข้า โดยจัดเตรียมใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวพนักงานหรือหนังสือรับรองการทำงาน และเอกสารรับรองความจำเป็นเกี่ยวกับสินค้า และการเดินทางของผู้ขนส่งสินค้าเพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายกิจการกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นในแต่ละพื้นที่เพื่อรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่ผู้ประกอบการขนส่งยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณะสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในการใช้บริการรถสาธารณะ โดยเฉพาะมาตรการการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง การตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารและผู้ขับรถ การระบายอากาศภายในตัวรถในระหว่างการเดินทางและทำความสะอาดภายในตัวรถและพื้นผิวสัมผัสภายในรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดการแพร่เชื้อได้