นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 64-ก.ย. 65) กรมได้รับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ตามเอกสารงบประมาณเกือบ 6 แสนล้านบาท ซึ่งการจัดเก็บรายได้สรรพสามิตขึ้นอยู่กับการบริโภคเป็นหลัก ดังนั้น หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไม่มีล็อกดาวน์อีก เชื่อว่ากรมจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอนเรื่องโควิดอยู่ ซึ่งสิ่งที่กรมทำควบคู่ไปคือการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี โดยจะพยายามปิดรูรั่วต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องภาษีน้ำมันซึ่งเป็นรายได้หลักของกรมเฉลี่ยปีละ 2 แสนล้านบาท ถือเป็น 1 ใน 3 ของรายได้จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการติดตามเพื่อลดการรั่วไหล
“กรณีน้ำมันแพงกระทบในแง่การใช้น้ำมันที่ลดลง ซึ่งมีผลต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมเพราะประชาชนก็อาจจะใช้น้ำมันลดลงได้ อย่างไรก็ดี ถ้ามีการเข้าไปดูในเรื่องรูรั่วต่าง ๆ ก็เชื่อว่ารายได้จะกลับมาประมาณหนึ่งจะเห็นว่าช่วงนี้กรมมีการแถลงข่าวการจับน้ำมันเถื่อนเกือบทุกวันและขนาดใหญ่ ครั้งละประมาณ 1 ล้านลิตร ส่วนบุหรี่ก็มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง” นายลวรณกล่าว
นอกจากนี้ การเปิดประเทศและเริ่มมีการประกาศให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ในบางจังหวัด ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อภาษีสรรพสามิต เนื่องจากช่วงล็อกดาวน์สถานบันเทิงที่ผ่านมามีผลต่อการขายเหล้าค่อนข้างมาก เพราะปกติคนจะซื้อนั่งดื่มที่ร้านอาหาร ส่วนเบียร์อาจจะไม่ค่อยมีผลกระทบมาก เพราะคนสามารถซื้อกลับไปดื่มที่บ้านได้
“สำหรับภาษีใหม่ ๆ ที่จะผลักดันออกมาจะยังไม่มีในช่วงนี้เพราะเราให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า โดยการเก็บภาษีก็อาจจะดูผลกระทบ แต่ของใหม่เราก็ศึกษาไป หากช่วงเวลาไหนที่มีความเหมาะสมเราก็จะนำมาใช้ แต่คงไม่ใช้ในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ”