สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1พ.ย.65 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินที่ทำการบินมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของเที่ยวบินระหว่างประเทศและเที่ยวบินภายในประเทศ ทำให้ปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางทางอากาศเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จากการเดินทางทางอากาศของผู้โดยสารและลูกเรือ กพท. เตรียมที่จะออกประกาศ ไม่อนุญาตให้สวมใส่หน้ากากชนิดที่มีวาล์วระบายอากาศขึ้นเครื่องบิน รวมทั้งไม่อนุญาตให้สวมใส่หน้ากากชนิดที่มีวาล์วเดินทางเข้ามาภายในสนามบินด้วย ทั้งนี้เป็นตามคำแนะนำของ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยจะอนุญาติให้สวมใส่เฉพาะหน้ากากทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งขณะนี้พบว่ามีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและไม่ขาดแคลนแล้ว เชื่อว่าประชาชนจะสามารถหาซื้อมาสวมใส่ได้ไม่ยาก
ส่วนหน้ากากผ้านั้นขณะนี้ยังผ่อนผันให้ใช้ได้อีกระยะ แต่เร็วๆ นี้ กพท. จะประกาศไม่อนุญาติให้สวมใส่ขึ้นเครื่องบินและสวมเดินทางเข้ามายังสนามบินด้วยเช่นกัน เนื่องจากไม่มั่นใจในมาตรฐานในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“คาดว่าปลายสัปดาห์นี้ กพท.จะออกประกาศเริ่มบังคับใช้ ห้ามใส่หน้ากากมีวาล์วระบายอากาศ เข้ามายังภายในสนามบิน และห้ามสวมใส่ขึ้นเครื่องบิน เพราะหน้ากากแบบวาล์วมีระบบกรองอากาศเฉพาะตอนที่ผู้สวมใส่หายใจเข้าเท่านั้น แต่ช่วงที่หายใจออกไม่มีระบบกรองอากาศ ซึ่งหากผู้สวมใส่ติดเชื้อโควิด-19 อาจมีความเสี่ยงให้เชื้อโรคแพร่กระจายออกมาภายนอก และแพร่ ไปยังบุคคลใกล้เคียงได้ช่วงที่หายใจออก เบื้องต้นไปได้ซักซ้อมความเข้าใจเรื่องนี้กับสายการบินทั้งหมดแล้ว รวมทั้งประสานไปยังสนามบินต่างๆ ให้ทราบ โดยจะต้องเพิ่มเข้มงวดตรวจหน้ากากของผู้ที่จะเดินทางตั้งแต่ประตูทางเข้าสนามบิน หากใส่หน้ากากวาล์วก็จะไม่ให้เข้ามาภายในสนามบินและไม่ให้ขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด”
รายงานข่าวจาก กพท.แจ้งว่า นอกจากนี้ กพท. จะมีการออกประกาศเพิ่มเติม เพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการเสิร์ฟอาหารบนเที่ยวบิน โดยจะอนุญาตให้เสิร์ฟเฉพาะอาหารอุ่นร้อนที่ปิดผนึกเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เสิร์ฟอาหารเย็น หรือน้ำแข็งโดยเด็ดขาด รวมทั้งเตรียมออกประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ของลูกเรือบนเที่ยวบิน