นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เปิดลงทะเบียนขอรับสิทธิช่วยเหลือด้วยตนเองตามโครงการ เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ได้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (29 จังหวัด) ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือตามโครงการนี้
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.-5 พ.ย.64 รวม 12 วันพบว่า มีผู้มาลงทะเบียนขอรับสิทธิช่วยเหลือ ณ อาคาร 6 ชั้น 7 กรมการขนส่งทางบก, สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-4 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 10,789 ราย แบ่งเป็นผู้ขับรถแท็กซี่ จำนวน 5,921 ราย และผู้ขับรถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะจำนวน 4,868 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ตรวจสอบแล้วว่ามีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ 7,017 ราย และรอผลการตรวจสอบ 3,772 ราย
โดยหลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบและคัดกรองความซ้ำซ้อนข้อมูลการลงทะเบียนขอรับสิทธิช่วยเหลือจากฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก และเอกสารการลงทะเบียน โดยผู้มีสิทธิจะต้องเป็นผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี ประกอบอาชีพขับรถอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (29 จังหวัด) ตามข้อกำหนดฉบับที่ 25,ฉบับที่ 28 และฉบับที่ 30 มีศักยภาพในการขับรถ มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะและบัตรประจำตัวผู้ขับรถสาธารณะ รถที่ใช้ประกอบอาชีพต้องชำระภาษีครบถ้วน และไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ขณะที่ในกรณีรถเช่าขับ กรมการขนส่งทางบกจะตรวจสอบข้อมูลจากผู้ให้เช่าก่อนพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขเป็นผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือหรือไม่ เมื่อตรวจสอบแล้วเป็นไปตามเงื่อนไขจะแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ขอรับสิทธิทราบ และดำเนินการโอนเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิรอบแรกระหว่างวันที่ 8-12 พ.ย.64 สำหรับผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะและรถแท็กซี่ส่วนบุคคล และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย.64 สำหรับผู้ขับรถแท็กซี่ที่เช่าขับ ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีกับเลขบัตรประจำตัวประชาชนตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารการลงทะเบียน
สำหรับผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะและรถแท็กซี่ส่วนบุคคลที่ประกอบอาชีพใน 13 จังหวัด ตามข้อกำหนดฉบับที่ 25 และฉบับที่ 28 (ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา) จะได้รับเงินช่วยเหลือในอัตรา 10,000 บาทต่อคน
ส่วนผู้ขับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ประกอบอาชีพใน 16 จังหวัด ตามข้อกำหนดฉบับที่ 30 (กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง) จะได้รับเงินช่วยเหลือในอัตรา 5,000 บาทต่อคน