น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภาพรวมและผลตอบรับหลังการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวว่า จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. บรรยากาศการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นตามลำดับ อัตราการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ย 2,000-3,000 คน/วัน
โดยที่นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกามีจำนวนมากที่สุด รองลงมาได้แก่ เยอรมนี อังกฤษ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน ผ่านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว “Visit Thailand Year 2022” ด้วยแนวคิด “Amazing New Chapters” ของ ททท. ทั้ง 29 สำนักงานทั่วโลก
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวอีกว่า คาดว่าปี 2564 ประเทศไทยจะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน สำหรับตลาดในประเทศนั้น ททท.ได้เตรียมสินค้าการท่องเที่ยวแบบธีมแคมเปญ ที่ตอบสนองพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยทุกกลุ่ม เริ่มจาก UNSEEN New Series เที่ยววันธรรมดา เมืองรองต้องลอง ชุมชนท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Workation Thailand และ Thailand Premium เป็นต้น โดยมุ่งสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ภายใต้แนวคิด “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม”
โดยความร่วมมือระหว่าง ททท. กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงสาธารณสุข ตำรวจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการสายการบิน ขนส่ง ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ตลอดจนผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก
“ททท. มั่นใจว่า ภายในปี 2564 นี้ ประเทศไทยจะสร้างรายได้สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 625,700 ล้านบาท และจะบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อส่งเสริมให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ในปี 2565 จำนวนไม่น้อยกว่า 1,938,034 ล้านบาท ด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ 160 ล้านคน-ครั้ง และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ 18 ล้านคน” นางฐาปนีย์ กล่าว
ด้านนางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่ตั้งอยู่ในหัวเมืองสำคัญอย่างกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต มีตัวเลขของอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นทันทีกว่า 2 เท่า รวมถึงแพ็คเกจ “Test & Rest SHA+” สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ด้วยบริการที่พักพร้อมการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่ต่างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นางวัลลภา กล่าวต่อว่า ถือเป็นสัญญาณบวกของภาคการท่องเที่ยวในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ที่เริ่มมีกำลังซื้อจากกลุ่มนักเดินทางชาวต่างชาติกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูงที่เริ่มเดินทางเข้ามาเป็นกลุ่มแรกๆ รวมถึงงานในรูปแบบที่การประชุมออนไลน์ไม่สามารถทดแทนได้ อาทิ งานแต่งงาน งานสัมมนารวมทีมสร้างพลังองค์กรและธุรกิจ ได้เห็นยอดยืนยันการจัดงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะทยอยกลับเข้ามาในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป
นางวัลลภา กล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้ปรับปรุงโรงแรมพร้อมรีแบรนด์ภายใต้โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ โรงแรมขนาด 248 ห้องพัก บริหารโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล และเป็นโรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท บนเกาะภูเก็ต ทำให้ล่าสุดบริษัทมีโรงแรมทั้งหมด 19 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ใน 6 เมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่าง กรุงเทพฯ กระบี่ หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ และเกาะสมุย โดยมีจำนวนห้องพักรวมกันกว่า 4,941 ห้อง ซึ่งผ่านการรับรองและให้บริการตามมาตรฐานของ Amazing Thailand Safety & Health Administration หรือ SHA+
นางวัลลภา กล่าวต่อว่า ภายหลังรัฐบาลคลายล็อคดาวน์ประเทศในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักของลูกค้าเริ่มกลับเข้ามาและโดยเฉพาะในช่วงเปิดประเทศ 1 พ.ย. เริ่มเห็นยอดอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นเป็น 30% โดย 70% เป็นการจองของลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะล่าสุดโรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มียอดจองแล้ว 2,000 คืน (Room night) ทำให้คาดว่าภายในเดือน ธ.ค.นี้ จะได้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 30-40% แน่นอน