จากกรณีนางสาวมธุรส คุ้มประสิทธิ์ และชาวบ้านหมู่บ้านครัวภักดี ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนจากการถมดินของพื้นที่ข้างเคียง โดยจังหวัดกาญจนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ข้อยุติแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ 11 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการแก้ไขประเด็นการก่อสร้างกำแพงกันดินและรั้ว : พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ภายหลังมีข้อยุติให้ทำการรื้อรั้ว ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน โดยทางเทศบาลตำบลลาดหญ้าได้ดำเนินการส่งหนังสือรับทราบให้ทางเจ้าของที่ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 และเข้าดำเนินการรื้อรั้ว ซึ่งในช่วงเช้าพบชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถมดินของพื้นที่ข้างเคียงมารอดูการรื้อรั้ว โดยทางเทศบาลตำบลลาดหญ้าได้มีการแจ้งไปยังชาวบ้านผู้ร้องเรียนให้รับทราบด้วยว่าจะมีเครื่องจักรใหญ่ แบล็คโฮ เครื่องตัด เข้ามาดำเนินการ
ทั้งนี้ทางเทศบาลตำบลลาดหญ้าได้ส่งเจ้าหน้าที่ทางเทศบาลฯมาดูแลควบคุมการรื้อรั้วดังกล่าว โดยได้เริ่มดำเนินการรื้อรั้วในส่วนบริเวณกลางซอยหมู่บ้านครัวภักดี ซึ่งมีการนำผ้าใบสีดำมาปิดฝั่งบริเวณบ้านพักอาศัยเพื่อป้องกันเศษฝุ่นละออง รวมทั้งเศษอิฐต่างๆและได้ดำเนินใช้เครื่องจักรใหญ่ทำการรื้อรั้ว ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินการทางเจ้าของที่ดินไม่ได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปเก็บภาพด้านในแต่อย่างใด
ด้านนางมธุรส คุ้มประสิทธิ์ ตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านของครัวภักดีที่ได้รับผลกระทบจากกรณีถมดินสูงท่วมหลังคาบ้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ภายหลังจากได้ข้อยุติจากการประชุมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 แล้วนั้นสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี สำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ได้ลงพื้นที่ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าความเสียหายของบ้านแต่ละหลังนั้นไม่เท่ากันแต่ก็ยืนยันได้ว่าเป็นผลความเสียหายมาจากการก่อสร้างกำแพงและการถมดินที่สูง บางบ้านเกิดจากความชื้นของน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาทำให้กำแพงมีความชื้นสูงมากมีรอยปริแตกแยกออกจากกันในส่วนของการรื้อรั้วนั้นชาวบ้านยังคงมีความเป็นห่วงในเรื่องของการป้องกัน การกระเด็นของเศษอิฐบล็อก ซึ่งการรื้อรั้วเป็นงานละเอียด
ทีมข่าวกาญจนบุรี