นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจ (High Level Economic Dialogue หรือ HLED) ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ครั้งที่ 4 ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมีนางมากาลี เซซานา อธิบดีกรมการค้าทวิภาคีและพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของฝรั่งเศส เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
นางอรมน กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ โดยไทยเสนอสาขาที่ต้องการร่วมมือกับฝรั่งเศส โดยเฉพาะในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) ของไทยได้ อาทิ เกษตรและอาหาร เครื่องสำอางและน้ำหอม การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ สิ่งทอและแฟชั่น ยาง และยานยนต์อัจฉริยะ ในส่วนของฝรั่งเศสสนใจที่จะขยายความร่วมมือกับไทยในสาขาคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อเส้นทางกับประเทศในกลุ่มอาเซียนและจีนทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำ
นางอรมน กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยและฝรั่งเศสมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในหลายด้านทั้งพลังงาน ทรัพย์สินทางปัญญา อวกาศ การบิน และแฟชั่นและออกแบบ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ควรกระชับความร่วมมือเหล่านี้ให้แน่นแฟ้น มากขึ้น ซึ่งไทยได้ใช้โอกาสนี้นำเสนอนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนของ BOI และ EEC ที่มีการทบทวนให้รองรับกับวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เพื่อเชิญชวนนักลงทุนฝรั่งเศสเข้ามาลงทุนในไทย
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสเป็นคู่ค้าอันดับที่ 23 ของไทยในโลก และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รองจากเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ สำหรับในช่วง 9 เดือนของปี 2564 การค้าระหว่างไทยและฝรั่งเศส มีมูลค่า 3,023.72 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไทยส่งออกไปฝรั่งเศส มูลค่า 1,373.72 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เลนซ์ และยางพารา และไทยนำเข้าจากฝรั่งเศส มูลค่า 1,650.00 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด