สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนตุลาคม 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 64,462 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 13 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2564 ร้อยละ 13.35 มีปัจจัยจากนโยบายการเปิดประเทศและการผ่อนคลายล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 ของรัฐบาล การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายคนละครึ่ง ฯลฯ การประกันรายได้สินค้าเกษตร ทำให้ประชาชนกล้าใช้เงินมากขึ้น ขณะที่ภาพรวม 10 เดือน รถยนต์มียอดขาย 596,393 คัน ลดลงจากปี 2563 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 2.1
ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนตุลาคม 2564 ส่งออกได้ 81,577 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2563 ร้อยละ 14.30 และ เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2564 ร้อยละ 10.49 โดยส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดออสเตรเลีย ลดลงร้อยละ 23.98 และตลาดแอฟริกาลดลงร้อยละ 13.04 มีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 47,767.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2563 ร้อยละ 17.07
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศคู่ค้าได้ดำเนินการผลิตรถยนต์เกือบเป็นปกติแล้ว ทำให้การส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้นดังรายละเอียดต่อไปนี้ เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 4,609.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2563 ร้อยละ 62.99 ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 16,833.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2563 ร้อยละ 13.06 อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,200.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2563 ร้อยละ 38.92 รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนตุลาคม 2564 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 71,410.68ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2563 ร้อยละ 18.82
ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวน 759,058 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 28.04 มีมูลค่าการส่งออก 442,421.34 ล้านบาท
“แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ขณะนี้กำลังพิจารณาว่ายอดส่งออกจะต้องปรับเป้าหมาย จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 8.5 แสนคัน จะทะลุไปได้ 8.7 แสนคันหรือไม่ เนื่องจากยังมีปัญหาในเรื่องชิปอยู่บ้าง ส่วนเป้าหมายการผลิตปีนี้ยังคงไว้ที่ 1.6 ล้านคัน ซึ่งหวังงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ที่จะจัดขึ้น 1-12 ธ.ค.นี้ จะช่วยทำยอดขายในประเทศได้ 7.5 แสนคัน"