นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส เร่งนำดิจิทัลฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน พร้อมสั่งการไปรษณีย์ไทยนำศักยภาพ เช่น ระบบขนส่งที่เข้าถึงทุกพื้นที่ แพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ สนับสนุนโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลักทั้ง ภาคบริการ ภาคเกษตรกรรม ภาคการผลิต และภาคการค้า รวมถึงสร้างรายได้ให้กับกลุ่ม MSME ที่มีอยู่กว่า 5 แสนราย ให้สามารถสร้างรายได้ในช่วงฟื้นฟูการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังผลักดันการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายไปรษณีย์ไทยกว่า 10,000 แห่ง และโซลูชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งด่วน EMS บริการ Pick Up service แพลตฟอร์มไทยแลนด์โพสต์มาร์ท รวมถึงเร่งศึกษากลุ่มพื้นที่ดังกล่าวเพื่อนำบริการฟิ้วซ์ โพสต์ : Fuze Post ให้บริการกับธุรกิจอาหารสดหรือตลาดประมงที่เริ่มปรับไปอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ในขณะนี้
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่สำคัญของประเทศ กระทรวงฯ ได้ตระหนักถึงประเด็นเร่งด่วนที่จะต้องนำศักยภาพด้านดังกล่าวเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงที่เริ่มมีการเปิดประเทศ รวมถึงปัจจัยสำคัญอย่างการสร้างรายได้ให้กับ หน่วยธุรกิจในแต่ละภูมิภาคทั้งด้วยช่องทางการค้าสมัยใหม่ หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสาร – การรับส่งข้อมูลในช่วงที่วิถีชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตลอดจนสนับสนุนให้ชุมชนต่าง ๆ สามารถพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานในด้านดิจิทัลได้อย่างทั่วถึง และเกิดทักษะในด้านดังกล่าวอย่างสูงสุด
นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ล่าสุดที่มีการจัดกิจกรรม ครม.สัญจรในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ฝั่ง อันดามัน ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต ระนอง กระบี่ ตรัง พังงา และสตูล นั้น กระทรวงฯ จึงได้มอบหมายให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวง และมีความใกล้ชิดกับภาคเศรษฐกิจและประชาชนมากที่สุด นำศักยภาพทั้งการมีเครือข่ายที่เข้าถึงทุกพื้นที่ ระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่องทางการค้าขายอีคอมเมิร์ซ เว็บไซต์ Thailandpostmart เข้าสนับสนุนโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลักซึ่งได้แก่ ภาคบริการ 54% ภาคเกษตรกรรม 22% ภาคการผลิต 12% และภาคการค้า 12% (ข้อมูล: ธนาคารห่งประเทศไทย) รวมถึงการช่วยเหลือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ MSME ที่มีอยู่กว่า 5 แสนราย (ที่มา สสว.) ทั้งที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม การแปรรูปเกษตร สินค้าประมง และอาหารทะเลแช่แข็ง ที่กำลังปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา ให้สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์และดำเนินธุรกิจได้ในช่วงฟื้นฟูการท่องเที่ยว รวมถึงกระจายสินค้าที่เกี่ยวข้องไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ได้โดยไร้ข้อจำกัด ตลอดจนยังได้สั่งการให้มีการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีอัตลักษณ์ด้าน GI หรือวัตถุดิบเฉพาะท้องถิ่น เช่น สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เชิงสุขภาพสินค้าฮาลาล มาปรับปรุงให้มีคุณภาพและสร้างมูลค่าในช่องทางตลาดต่างๆ ได้มากขึ้น
นายมูซาคาน เดเช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการภูมิภาค กล่าวว่า สำหรับในปัจจุบันไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทยมากกว่า 10,000 แห่ง มีโซลูชันต่างๆ ที่ MSME และหน่วยเศรษฐกิจสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งด่วน EMS ที่มีความปลอดภัยและรวดเร็ว และปัจจุบันมีการปรับลดอัตราค่าบริการให้เอื้อกับต้นทุนค่าขนส่ง การเข้ารับสิ่งของต่างๆ ถึงพื้นที่ หรือ Pick Up service ที่ทุกบ้านทุกธุรกิจสามารถเรียกใช้บริการได้ผ่านแอปพลิเคชัน มาร์เก็ตเพลสแพลตฟอร์ม เว็บไซต์ Thailandpostmart ที่เป็นเสมือนพื้นที่ฝากร้านออนไลน์ของผู้ประกอบการทั่วไทย และสามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้เริ่มต้นให้บริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิ ฟิ้วซ์ โพสต์ : Fuze Post เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจอาหารสด กลุ่มแพปลา ตลาดประมง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมกลุ่มจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน เพื่อให้เข้าถึงตลาดผู้บริโภคทั่วประเทศ และตอบโจทย์กับการจำหน่ายอาหารสด – อาหารแช่แข็งที่ปรับไปอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ในขณะนี้