นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าจะเร่งหาข้อยุติกรณีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ภายในสัปดาห์หน้า โดยย้ำถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเสนอให้รัฐบาลเลือกใช้แนวทางพัฒนาที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและโลกอนาคต โดยสนับสนุนให้หาข้อยุติในภาพรวมไม่ใช่เฉพาะกรณีใดกรณีหนึ่ง เพราะมีความเชื่อมโยงกัน คือพรรคเสนอให้การก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี ส่วนที่กระบี่ให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรด้วย และผลักดันพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นคำตอบที่สอดคล้องตามเป้าหมาย คือ มั่นคง สะอาด ยั่งยืน เพราะมีข้อดีในเรื่องของความมั่นคงทางพลังงาน พร้อมกับยืนยันว่าพรรคไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในภาคใต้
นอกจากนี้ข้อมูลทางเทคนิคพบว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจีจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วกว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จึงไม่ล่าช้าแต่จะทำให้รวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งยังมั่นใจว่าการใช้แอลเอ็นจีที่เทพาและปาล์มน้ำมันที่กระบี่จะช่วยลดความขัดแย้งในพื้นที่กับกลุ่มอนุรักษ์ที่เป็นห่วงเรื่องมลภาวะทั้งในเรื่องการขนส่งนำเข้าและกระบวนการผลิตด้วย ดังนั้นข้อเสนอนี้จะสอดคล้องกับเป้าหมายในอนาคตเนื่องจากเป็นพลังงานสะอาดจะปรับตัวรองรับการใช้พลังงานหมุนเวียนได้ดีขึ้นด้วย
ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวนิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า พรรคได้ศึกษาข้อเท็จจริงก่อนที่จะสรุปข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งตนเห็นใจฝ่ายราชการที่กำหนดนโยบายเรื่องนี้ แต่หากเปรียบเทียบความเหมาะสมระหว่างถ่านหินกับก๊าซแอลเอ็นจีจะพบว่าก๊าซแอลเอ็นจีปรับลดลงอย่างมาก ซึ่งจะมีผลต่อค่าไฟที่เกือบจะเท่ากับไฟฟ้าที่ผลิตด้วยถ่านหินหรือน้อยกว่าเล็กน้อย อีกทั้งจะทำให้ภาคใต้มีโรงไฟฟ้าได้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาก่อสร้างเพียง 48 เดือน แตกต่างจากถ่านหินที่ใช้เวลา 80 เดือน และยังใช้เงินลงทุนต่ำกว่าประมาณ 50 % ด้วย