นายภูมิพิทักษ์ กองแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รักษาการรองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารกลาง เปิดเผยถึงผลการประชุม กกต. ว่า ที่มีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงาน และผลการประเมินตนเองรายตัวชี้วัด (Self Assessment Report : SAR) ซึ่งได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกคำรับรองตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายการประเมินผลการปฏิบัติงาน (KPI) ระหว่างเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และรอง เลขาฯ กกต. ทุกด้าน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ทั้งนี้ คำรับรองการปฏิบัติงานและผลการประเมินตนเองรายตัวชี้วัด (KPI) ประกอบด้วย 16 ตัวชี้วัด จาก 5 ด้านกิจการ ได้แก่ ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เช่น การจัดการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติที่สุจริตและเที่ยงธรรม โดยการพัฒนานวัตกรรมการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เสริมสร้างความรู้ประชาธิปไตย การรณรงค์สร้างจิตสำนึกและวิถีประชาธิปไตย, รณรงค์หมู่บ้านไม่ขายเสียง, เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์การเอกชน, ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย โดยการเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรด้านการสืบสวนสอบ วินิจฉัยและการดำเนินคดีในศาล ด้านกิจการบริหารกลาง ศึกษาวิเคราะห์กรอบอัตรากำลังบุคลากรของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เพื่อพัฒนาพรรคการเมืองสู่ความเป็นสถาบันการเมือง ซึ่งปรากฏว่าผลการประเมินในรอบ 3 เดือน (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2559) ระดับที่ 1 ค่าเป้าหมายเต็ม 1 ผลการประเมินค่าเป้าหมายในภาพรวมเท่ากับ 0.82 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ
ขณะที่ความคืบหน้าในการดำเนินการจัดทำแผนแม่บทสำนักงาน กกต. ระยะ 20 ปี ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนแม่บทสำนักงาน กกต. แล้ว โดยสำนักงานจะนำแผนแม่บทดังกล่าว ใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินภารกิจจัดการเลือกตั้งในระยะเวลา 20 ปี ต่อจากนี้
สำหรับการจัดทำแผนแม่บทครั้งนี้ กกต. ได้วางยุทธศาสตร์ให้เชื่อมโยงและสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งกำหนดเป็น 5 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ คือ การจัดการเลือกตั้งที่คุ้มค่าและสะดวกต่อประชาชน มีเป้าประสงค์ให้ประชาชน, การจัดการเลือกตั้งให้เป็นที่ยอมรับ สร้างระบบการคัดกรองและกลไกตรวจสอบบุคลากรเลือกตั้งทุกระดับให้น่าเชื่อถือ, การจัดการเลือกตั้งที่ประชาชนมีส่วนร่วม ในการจัดการ กำกับ และตรวจสอบการเลือกตั้งในทุกขั้นตอนอย่างมีคุณภาพ, การส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้แก่พรรคการเมืองและองค์กรทางการเมือง บนพื้นฐานนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และการพัฒนาองค์การสู่ความเป็นมืออาชีพ