นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ได้ปิดรับลงทะเบียนร่วมโครงการทางระบบออนไลน์ตามกำหนด ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 เวลา 23.59 นาที ซึ่งพบว่ามีสถานประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการถึง 223,838 ราย หรือร้อยละ 56.71 ช่วยรักษาระดับการจ้างงานลูกจ้างสัญชาติไทย 3,068,152 คน หรือร้อยละ 76.08 คิดเป็นเม็ดเงินอุดหนุนตลอดโครงการ จำนวน 27,613,368,000 บาท และได้เปิดให้ดำเนินการยื่นเรื่องขอทบทวนสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th” ตั้งแต่บัดนี้ – 27 พ.ย. 64 สำหรับนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม (ฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคม มาตรา 33 สถานะ Acive) ที่มีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ต.ค. 64 แต่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์แล้วระบบแจ้งว่า "ขาดคุณสมบัติ" หรือมีการเปลี่ยนเจ้าของกิจการ เนื่องจากเจ้าของเดิมเสียชีวิต หรือสาเหตุอื่น ๆ ก่อนวันที่ 16 ต.ค. 64 รวมทั้งกรณีอื่นๆ
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยธุรกิจในกลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดมากที่สุด อย่างยิ่ง ในการเปิดประเทศ จึงจำเป็นต้องช่วยเหลือประคับประคอง เพื่อให้ ธุรกิจ SMEs กลับมาแข็งแรงประสบผลสำเร็จ ดั่งในอดีตที่ก่อนมีโรคโควิด ซึ่งจากนี้สถานประกอบการที่ได้รับการอนุมัติร่วมโครงการฯ หากมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากยอดการจ้างงาน ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับเงินส่งเสริมการจ้างงานใหม่ ในเดือนที่ 2 และ 3 จำนวน 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คนต่อเดือน ตามจำนวนการจ้างงานจริงไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยทั้งหมดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ (201,647 ราย) โดยหากใครลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการก่อนจะได้รับสิทธิก่อน จนครบตามจำนวน 2 เดือน เดือนละไม่เกิน 201,647 ราย ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สำหรับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม (ฐานข้อมูลประกันสังคม ม.33 สถานะ Active) ที่มีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564 โดยที่นายจ้างจะต้องรักษาระดับการจ้างงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ในระหว่างเข้าร่วมโครงการฯ หากไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนในเดือนนั้น และกรณีนายจ้างมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากยอดการจ้างงาน ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มตามจำนวนการจ้างงานจริงไม่เกินร้อยละ 5 โดยนายจ้างสามารถจ้างงานเพิ่มได้แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข คือเมื่อรวมลูกจ้างที่จ้างงานเพิ่มแล้ว ยังมีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน ทั้งนี้นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฯ โดยหลักเกณฑ์สำคัญอีกประการที่นายจ้างสถานประกอบการจะได้รับการอนุมัติร่วมโครงการ คือ ต้องสมัครใช้บริการระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม เพื่อยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลการส่งเงินสมทบ สปส. 1-10 ในระบบ e-Sevice จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการนี้