ครบกำหนด 15 วัน เจ้าของที่ดินรื้อรั้วอิฐบล็อกเสร็จแล้ว 100% ส่วนขุดดินให้ห่างจากกำแพงกันดิน 4.5 เมตร คืบหน้าเพียงเล็กน้อย แต่ชาวบ้านพอใจในระดับหนึ่ง ที่เสียงแดดส่งเข้าไปถึงบ้านทำประหยัดค่าไฟไปด้วย
ความคืบหน้ากรณีสื่อมวลชนได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงถมที่ พร้อมสร้างกำแพงสูงมิดหลังคาบ้าน รวม 10 หลัง โดยบ้านทั้ง 10 หลัง สร้างอยู่ฝั่งซ้ายมือภายในซอยร้านอาหารครัวภักดี ท้องที่หมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ต่อมา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ ร.ต.พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้แก่ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี สำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี สำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี สำนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ที่ทำการปกครองจังหวัดกาญจนบุรี ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเมืองกาญจนบุรี และเทศบาลตำบลลาดหญ้า ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ผลตรวจสอบดังนี้
1.ผลการตรวจสอบพบว่าไม่มีการอนุญาตให้ก่อสร้างกำแพงกันดิน ตามมาตรา 21 และในการก่อสร้างรั้วตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีฐานรากซึ่งอาจเป็นเหตุอันตรายกับบุคคลที่อยู่ข้างเคียง จึงมอบหมายให้เทศบาลตำบลลาดหญ้าในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นดำเนินการออกคำสั่งให้มีการรื้อถอนรั้วออก ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.64
2.กฎกระทรวง กำหนดมาตรการป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้างในการขุดดิน พ.ศ.2548 ระบุว่า การถมดิน ส่วนของเนินดินจะต้องห่างจากแนวเขตที่ดินของบุคคลอื่นหรือที่สาธารณะเป็นระยะไม่น้อยกว่าความสูงของเนินดินที่จะถม ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าความสูงของเนินดินสูง 4.5 เมตร จึงมอบหมายให้เทศบาลตำบลลาดหญ้า แจ้งเจ้าของที่ดินดำเนินการขุดดินออกจากกำแพงเดิม โดยให้เคลื่อนย้ายดินห่างจากกำแพงดิน 4.5 เมตร ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.64
จากกรณีข้างต้นล่าสุดวันนี้ 22 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าการดำเนินการรื้อรั้วรวมทั้งขุดดินให้ห่างจากกำแพงดิน 4.5 เมตรให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งวันนี้ถือว่าครบกำหนดระยะเวลา 15 วันพอดี
โดยเมื่อไปถึงพบ น.ส.มธุรส คุ้มประสิทธิ์ และนายธัชชัย กรกุม สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านเลขที่ 190/98 รวมทั้ง นายจตุรงค์ ภิรมยา เจ้าของบ้านเลขที่ 190/101 และ ร.ต.ธานินทร์ เขียวสาคร เจ้าของบ้านเลขที่ 190/100 นั่งพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงเข้าไปสอบถามความคืบหน้า
โดยการไปติดตามความคืบหน้าต้องปีนขึ้นไปหลังคาบ้านจึงจะมองเห็นบริเวณโดยรอบ ผลพบว่าเจ้าของที่ดินที่ก่อสร้างได้ดำเนินการรื้อถือถอนรั้วที่สร้างด้วยอิฐบล็อกออกไปจนเสร็จสิ้นแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าทันเวลาที่กำหนดเอาไว้ภายใน 15 วัน ส่วนการขุดดินให้ห่างจากกำแพงกันดิน 4.5 เมตร พบว่าเพิ่งดำเนินการได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้นายธัชชัย กรกุม เปิดเผยว่า การที่เจ้าของที่ดินดำเนินการรื้อรั้วที่ทำด้วยอิฐบล็อกลงมาได้ถึงระดับนี้ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมีความรู้สึกดีขึ้นมาก แต่หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้รื้อกำแพงกันดินให้ต่ำลงไปอีกเพราะเฉพาะกำแพงกันดินนั้นสูงประมาณ 4 เมตร ซึ่งเท่ากับระดับชายคาบ้าน แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ขอให้ขึ้นกับทางจังหวัดกาญจนบุรีที่จะส่งโยธาจังหวัดลงมาตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของกำแพงกันดินว่าจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน
และที่ผ่านมาเพื่อนบ้านหลังที่อยู่ตรงกลางได้มีการถ่ายภาพกำแพงกันดินที่เป็นคอนกรีตรวมทั้งฐานค้ำยัน พบว่ามีร่องรอยของการแตกร้าว จึงยังไม่มั่นใจว่าโครงสร้างนั้นได้มาตรฐานมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องรอให้ทางโยธาจังหวัดเข้ามาสำรวจให้ละเอียดเพื่อนำไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามถึงตรงนี้แล้วชาวบ้านก็มีความรู้สึกพึงพอใจในระดับหนึ่ง เพราะเจ้าของกำแพงก็ได้ดำเนินการตามคำสั่งของจังหวัดได้เป็นอย่างดี ซึ่งคำสั่งของังหวัดได้มีการสั่งให้รื้อรั้วที่เป็นอิฐบล็อกออกไปให้หมดภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 8-22 พ.ย.64
โดยหลังจากรื้อรั้วออกไปได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เช่นที่บ้านของตน ขณะที่มีรั้วอิฐบล็อกอยู่นั้นแสงแดดไม่สามารถส่องผ่านหน้าต่างเข้าไปภายในบ้านได้เลย แต่เมื่อแสงแดดส่องเข้าบ้านได้แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเพราะมองเห็นอะไรได้ชัดขึ้น และอย่างน้อยเวลาเราอยู่ในห้องนอนทำให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่งด้วย ส่วนต้นไม้ที่ปลูกเอาไว้ก็ได้รับแสงแดดไปด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมายอมรับว่าการมีกำแพงที่สูงทำให้มันมีปัญหากับชีวิตประจำวันของพวกเราทุกครอบครัว
ซึ่งตั้งแต่มีปัญหาเจ้าของที่ดินผู้สร้างกำแพง ยังไม่เคยเข้ามาพูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบแม้แต่ครั้งแต่เดียว แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังนำรถแบคโฮเข้ามารื้อกำแพงบริเวณหลังบ้านเลขที่ 190/100 ปรากฏว่าทำพลาดทำให้อิฐบล็อกหล่นตกลงมาทำให้กระเบื้องมุงหลังคาแตก หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าของก็ได้มาพบเพื่อขอโทษและได้ดำเนินการซ่อมแซมหลังคาให้จนแล้วเสร็จ ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ ร.ต.ธานินทร์ เขียวสาคร
ในส่วนเรื่องค่าชดใช้เกี่ยวกับกรณีบ้านเรือนประชาชนมีสภาพที่แตกร้าวนั้น ทางโยธาจังหวัดกาญจนบุรี ได้เข้ามาสำรวจค่าความเสียหายไปแล้ว 2 ครั้ง แต่เราไม่ทราบว่าทางโยธา นำเสนอข้อมูลไปถึงเจ้าของที่ที่สร้างกำแพงแล้วหรือยัง
ด้าน ร.ต.ธานินทร์ เขียวสาคร เจ้าของบ้านเลขที่ 190/100 เปิดเผยว่า ช่วงที่อิฐบล็อกตกหล่นมาใส่หลังคาบ้านตนไม่ได้อยู่บ้าน หลังเกิดเหตุเพื่อนบ้านได้แจ้งให้ทราบ ซึ่งทางเจ้าของที่ดินที่สร้างกำแพงเป็นผู้หญิง ได้เข้ามาดูแลและดำเนินการซ่องหลังคาให้เป็นอย่างดี โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนได้ตกลงมาจึงทำการตรวจสอบจุดที่ซ่องหลังคาพบว่าไม่มีการร่ำไหล
และตั้งแต่จังหวัดเข้ามาให้ความช่วยเหลือก็พอใจในระดับหนึ่ง แต่จากเท่าที่ได้ปีนหลังคาขึ้นไปดูสภาพพื้นที่ พบว่ายังไม่มีการดำเนินการขุดดินให้ฐานรากถอนร่นออกให้ห่างจากกำแพงกันดินตามที่กำหนดเอาไว้ที่ 4.50 เมตร และยังไม่มีกำทำท่อระบายน้ำแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามถึงตรงนี้แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกอย่างที่เกิดขึ้นชาวบ้านและเจ้าของน่าจะพูดคุยกันได้
ทีมข่าวกาญจนบุรี