นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคผมร่วงเป็นหย่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยในทุกช่วงอายุ ผู้ป่วยจะมีอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆที่ศีรษะ โดยอาจจะมีขนร่วงที่บริเวณอื่นร่วมด้วย เช่น คิ้ว หนวด จอนหรือขนตามร่างกาย ในรายที่เป็นมาก อาจมีอาการผมร่วงทั่วศีรษะหรือขนตามร่างกายร่วงจนหมด โดยปกติแล้วโรคนี้จะเกิดไม่มีสาเหตุแน่ชัด จากข้อมูลทางวิชาการเชื่อว่าการสร้างภูมิคุ้มกันตนเองของร่างกายร่วมกับการเสียการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกัน และอาจมีปัจจัยทางกรรมพันธุ์เกี่ยวข้อง หรือร่างกายถูกกระตุ้นได้จากปัจจัยบางอย่าง เช่น ความเครียดจากภาวะการเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจ ทำให้มีการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวและ สารสื่อประสาทที่บริเวณต่อมผม ส่งผลต่อการสร้างผมผิดปกติและวงจรชีวิตของผมเปลี่ยนจากระยะเจริญเติบโตเป็นระยะหลุดร่วงได้เร็วขึ้น สำหรับภาวะผมร่วงเป็นหย่อมภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากวัคซีนมีกระบวนการเลียนแบบการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันต้านตนเองทำให้เกิดปฏิกิริยาอักเสบที่บริเวณต่อมผมและมีผลทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมได้
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะผมร่วงเป็นหย่อมภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 อาจจะเกิดขึ้นได้แต่ยังจำเป็นที่จะต้องรอผลการศึกษามากกว่านี้ในเรื่องอุบัติการณ์การเกิดหลังจากการฉีดวัคซีน ในปัจจุบันมีการศึกษาผู้ป่วยโรคผมร่วงเป็นหย่อมที่กลับมาเป็นซ้ำหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 และมีความเป็นไปได้ถึงการเกิดโรคผมร่วงเป็นหย่อมสามารถเกิดขึ้นใหม่หรือผู้ป่วยโรคผมร่วงเป็นหย่อมที่เป็นอยู่แล้วและจะมีอาการมากขึ้นหลังฉีดวัคซีน โดยจะคล้ายคลึงกับผู้ป่วยที่มีภาวะผมร่วงหลังจากมีการติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าวมากพอที่จะสรุปผลได้ นอกจากนี้ยังพบว่าโรคผมร่วงเป็นหย่อมอาจเกิดภายหลังจากการฉีดวัคซีนอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น วัคซีนงูสวัด, วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีและวัคซีนโรคไข้สมองอักเสบเจอี รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคผมร่วงเป็นหย่อมร่วมด้วย เช่น ปัจจัยทางกรรมพันธุ์, ความเครียด, การเจ็บป่วย, โรคภูมิแพ้, โรคไทรอยด์, โรคลูปัส, ภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก และภาวะการขาดวิตามินดี
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ผู้ที่มีภาวะผมร่วงเป็นหย่อมเพียงเล็กน้อย อาการผมร่วงอาจหายได้เองหรือสามารถรับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางด้วยการทายาสเตียรอยด์หรือฉีดยาสเตียรอยด์ที่ศีรษะร่วมกับการทายาไมน็อกซิดิล 2-5% วันละ 2 ครั้ง เพื่อกระตุ้นผมให้ขึ้นใหม่ ส่วนการรับประทานเหล็กและวิตามิน เช่น สังกะสี, ไบโอติน, วิตามินดี ยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการชัดเจนว่าจะมีส่วนช่วยรักษา แต่อย่างไรก็ตามหากอาการผมร่วงไม่ดีขึ้น มีผมร่วงทั่วศีรษะหรือมีขนตามร่างกายร่วงด้วย ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง