ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
พิชัย สวน กรณ์ชี้รถคันแรกดันการลงทุนพุ่ง
28 พ.ย. 2564

"พิชัย" สวน "กรณ์" คิดได้แค่นี้ถึงแพ้เลือกตั้งตลอด ชี้ รถคันแรกทำส่งเสริมการลงทุนพุ่ง “ประยุทธ์” บริหารเละเทะกลับไม่วิจารณ์ หรือ คิดว่าเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแน่แล้ว แนะ ศึกษาแนวคิด “เพื่อไทย” ที่จะมี นโยบายดีๆโดนใจประชาชนออกมา

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีต รมว.คลัง ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาวิจารณ์นโยบายรถคันแรกที่พรรคเพื่อไทยที่ดำเนินการมา 10 ปีแล้ว ทั้งที่ปัจจุบันรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศล้มเหลวทุกด้านกลับไม่วิจารณ์ ทำเหมือนกับว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลแล้วในขณะนี้ หรืออาจจะกลัวว่าพรรคเพื่อไทยกำลังได้รับความนิยมจากประชาชน และจะชนะการเลือกตั้งแน่ตามผลโพลของหลายสำนักถึงต้องออกมาตีกัน

ทั้งที่ในอดีตขณะที่นายกรณ์ เป็น รมว.คลัง ได้บริหารผิดพลาดล้มเหลวหลายเรื่อง ทั้งเรื่องแจกเงินคนละ 2,000 บาท ที่เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะหลังแจกไปแล้วเศรษฐกิจไทยกลับติดลบต่ออีก 6 เดือน ไม่ได้ช่วยฟื้นเศรษฐกิจเหมือนที่โม้ไว้ อีกทั้ง เงินกู้ไทยเข้มแข็ง 4 แสนล้านบาท ที่ประชาชนจำกันไม่ได้เลยว่าใช้ไปแล้วประเทศได้อะไรบ้าง มีแต่เรื่องทุจริตคอรัปชั่นจนมาถึงปัจจุบันเช่น คดีโรงพักตำรวจ 396 แห่ง เป็นต้น และต้องยกเลิกอีก 400,000 ล้านบาทไปเพราะความอื้อฉาว นอกจากนี้ยังมีเรื่อง ไข่ชั่งกิโลขาย เรื่องการปล่อยข่าวว่ารัฐจะซื้อ บมจ. ไทยคม และ เรื่องการลงทุนในต่างประเทศของนายกรณ์ที่ยังไม่ชัดเจนในขณะนั้น ซึ่งความล้มเหลวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น พิสูจน์ได้จากผลการเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคเพื่อไทยอย่างราบคาบในการเลือกตั้งครั้งต่อมา จนคนในพรรคต้องออกมาเป่านกหวีดกันเพราะสู้ในการเลือกตั้งไม่ได้ จนพรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส. ลดลงเรื่อยๆหลังจากนั้น และ นายกรณ์ต้องออกจากพรรค ปชป. มา

นายพิชัย กล่าวว่า ในฐานะที่นายกรณ์ เคยเป็น รมว.คลัง จึงไม่เข้าใจว่าทำไมนายกรณ์ ถึงมีแนวคิดที่แคบมาก จึงอยากอธิบายแนวคิดนโยบายรถคันแรกให้เป็นวิทยาทาน จุดประสงค์หลักของนโยบายรถคันแรก นอกจากจะต้องการสานฝันให้ประชาชนที่ต้องการมีรถยนต์ได้มีรถยนต์ขับแล้ว ยังเป็นกุศโลบายที่จะทำประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์อย่างแท้จริง ซึ่งหลังจากโครงการรถคันแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก บริษัทรถยนต์ทั่วโลกต่างแห่กันมาขอการส่งเสริมการลงทุนในไทยกันอย่างมาก โดยในปี 2555 มียอดขอส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 1.45 ล้านล้านบาท และในปี 2556 ก็มียอดการส่งเสริมลงทุน 1.11 ล้านล้านบาท จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร การส่งเสริมการลงทุนของไทยจึงได้หดหายลงไปเหลือปีละไม่กี่แสนล้านบาทและลงทุนจริงยิ่งเหลือน้อยมาก จนเป็นปัญหาหลักของประเทศไทยที่การลงทุนหดหายไปมากหลังการปฏิวัติรัฐประหารจนถึงปัจจุบัน

แนวคิดคือเมื่อบริษัทรถยนต์ต่างๆ เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว ไทยก็จะส่งออกรถยนต์ไปขายทั้งภูมิภาค มีธุรกิจต่อเนื่องเป็นคลัสเตอร์ ในการผลิตอะไหล่และอุปกรณ์รถยนต์ที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เสียดายที่มีการปฏิวัติรัฐประหารเสียก่อนการลงทุนจึงหยุดชะงักลงหมด ทั้งนี้ เงินภาษีสรรพสามิตที่คืนให้ประชาชนก็ได้มาจากการที่ประชาชนจ่ายซื้อรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ถ้าประชาชนไม่ซื้อรถยนต์เพิ่ม รัฐก็ไม่ต้องจ่ายคืนภาษี เป็นการจ่ายเงินของประชาชนคืนประชาชนเท่านั้นเอง ที่ต้องอธิบายเพราะมีความพยายามบิดเบือนว่ารัฐต้องควักเงินมากซึ่งไม่จริง นอกจากนี้ นายกรณ์น่าจะเช็คข้อมูลก่อนพูดเพราะหนี้ครัวเรือนในปีที่มีนโยบายรถคันแรกไม่ได้พุ่งขึ้นสูงแต่อย่างไรยังอยู่ในระดับ 70 กว่า% ของจีดีพี หนี้ครัวเรือนมาพุ่งสูงทะลุ 90%ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์นี้ อย่าพูดด้วยอคติโดยปราศจากข้อมูลที่แท้จริง ทั้งนี้ หากนายกรณ์ต้องการความรู้เพิ่มเติมก็ขอมาได้เสมอ จะได้คิดนโยบายเป็น และจะได้ไม่แพ้การเลือกตั้งซ้ำซากอีก

"นอกจากนโยบายรถคันแรกแล้ว รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในสมัยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังมีนโยบายแจกแทบเล็ตให้นักเรียนซึ่งเป็นการแสดงวิสัยทัศน์กว่า 10 ปีแล้วที่มองเห็นเศรษฐกิจดิจิตอลที่ขยายตัวอย่างมากในปัจจุบัน และหลังจากการปฏิวัติรัฐประหารก็ถูกยกเลิกไป ซึ่งต้องนำกลับมาทำใหม่ นโยบายบ้านหลังแรก นโยบายงดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทำให้น้ำมันลดลงลิตรละ 7-8 บาท นโยบายบัตรเครดิตเกษตรกร และบัตรเครดิตพลังงาน ซึ่งเป็นหลักคิดให้รัฐบาลนี้นำไปออกบัตรคนจน ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาท นโยบายลดภาษีนิติบุคคลลงจาก 30% เหลือ 20% นโยบายช่วยเหลือชาวนาที่ทำให้ชาวนามีรายได้และมีความสุขกว่าปัจจุบันมาก เป็นต้น ซึ่งเมื่อหาเสียงแล้วทำได้จริงทุกนโยบาย ไม่เหมือนบางพรรคที่หาเสียงหลายนโยบายแต่ไม่ทำเลยสักเรื่อง"นายพิชัย กล่าว

นอกจากนี้ ถ้าหากไม่โดนห้ามและไม่โดนปฏิวัติรัฐประหารก่อน ป่านนี้ประเทศไทยน่าจะมีรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ เชื่อมต่อไปประเทศลาวเพื่อต่อไปยังประเทศจีนแล้ว และ โครงการจัดการน้ำก็คงเสร็จสิ้นแล้วไม่ต้องห่วงว่าจะมีน้ำท่วมหรือน้ำแล้งอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และเป็นการเสียโอกาสของประเทศอย่างมาก

นายพิชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในอนาคตพรรคเพื่อไทยจะมี นโยบายใหม่ๆ เด็ดๆ ที่โดนใจประชาชน โดยจะเปิดนโยบายในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นนโยบายที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวทันโลกไม่ตกยุคเหมือนในปัจจุบัน ประชาชนจะมีรายได้เพิ่ม ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มโอกาสในการทำมาหากิน พัฒนาการค้าและการลงทุน แก้ปัญหาหนี้ได้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนรวมถึงประชาชน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ย่ำแย่มายาวนานให้กลับมาดี ประชาชนจะได้อยู่ดีกินดีและมีความสุขเหมือนในอดีตที่เป็นมาทุกครั้งที่พรรคบริหารประเทศไม่ว่าจะเป็นสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย รัฐบาลพรรคพลังประชาชน และ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยากให้ประชาชนมั่นใจและเลือกพรรคเพื่อไทยกันมากๆ เพื่อต่อสู้และเอาชนะกับ ส.ว. 250 คน เพื่อพรรคเพื่อไทยจะได้เข้าบริหารประเทศให้พัฒนาต่อไปได้

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...