ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เศรษฐกิจชุมชน ย้อนกลับ
เลี้ยงกบในป่ายางพาราใช้พื้นที่คุ้มค่าสร้างรายได้ตลอดปี
01 ธ.ค. 2564

      ศูนย์เรียนรู้ด้านการประมงอำเภอสหัสขันธ์ เปิดตัวฟาร์มเลี้ยงกบนาในป่ายางพารา ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า  ลดรายจ่าย อีกหนึ่งทางเลือกเกษตรกรสู้วิกฤติโควิด เผยเตรียมจำหน่ายทั้งกบเนื้อ กก.ละ 100-120 บาท และพ่อพันธุ์แม่พันธุ์  สามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี

      วันที่ 30 พ.ย. 64 ที่ศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง บ้านศรีสมบูรณ์  ตำบลนิคม  อำเภอสหัสขันธ์  นางสาวแววตา  นระทัด  นายอำเภอสหัสขันธ์  นางสาวกฤษณา  เขามีทอง  ประมงอำเภอสหัสขันธ์  ออกเยี่ยมศูนย์เรียนรู้ด้านการประมงอำเภอสหัสขันธ์ ที่สวนยางพารา ของนางบุญโฮม  ปรีจิตต์  และนายพิเชษฐ์  ปรีจิตต์  เกษตรกรบ้านศรีสมบูรณ์  หมู่ที่ 4 ตำบลนิคม  อำเภอสหัสขันธ์  จังหวัดกาฬสินธุ์  ซึ่งได้จัดทำศูนย์เรียนรู้ทำการประมง เลี้ยงกบนาในป่ายางพารา  ที่สามารถลดต้นทุนโรงเรือน  อาศัยร่มเงาจากต้นยางพารา ลดร้อนให้กบในบ่อดิน 

     นางสาวกฤษณา  เขามีทอง  ประมงอำเภอสหัสขันธ์  กล่าวว่า  เพื่อเป็นการส่งเสริมประสิทธิภาพของเกษตรกรในการประมง ของอำเภอสหัสขันธ์  โดยได้กระจายศูนย์เรียนรู้ตามความสมัครใจของเกษตรกรใน 8 ตำบล 8 ศูนย์เรียนรู้  ของนายพิเชษฐ์  ปรีจิตต์ และนางบุญโฮม  ปรีจิตต์ เกษตรกรได้รับการสนับสนุนจากประมงจังหวัดกาฬสินธุ์  และ ประมงอำเภอสหัสขันธ์  เลี้ยงกบนาไว้จำนวน 2,000 ตัว และวัสดุ อุปกรณ์  อาหารกบ เป็นเงินกว่า 5,000 บาท ในปีแรก  และในปีถัดไปก็จะไดรับการสนับสนุนในนามศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง จำนวน 2,000 บาท ต่อปี  ภายในศูนย์เรียนรู้ฯ แยกเป็นกบนาเนื้อไว้จำหน่ายใน กก.ละ 100-120 บาท  ขณะที่กบพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ อีกส่วนหนึ่ง เตรียมไว้ขายพันธ์เพื่อจำหน่ายพันธุ์กบ และจำหน่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งแยกเป็นรายได้ 3 ส่วน ที่จะสามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี  ทั้งนี้เกษตรกรยังลดรายจ่ายโรงเรือน ด้วยการเลี้ยงกบนาบ่อดินในป่ายางพาราท้ายสวนหลังบ้าน  โดยเบื้องต้นผลผลิตเป็นที่น่าพอใจเป็นอีกศูนย์เรียนรู้ด้านการเพาะเลี้ยงกบสำหรับเกษตรกรผู้สนใจได้เป็นอย่างดี

       นายพิเชษฐ์  ปรีจิตต์  เกษตรกร ต.นิคม  กล่าวว่า  มีความสนใจจะเลี้ยงกบนา จึงเข้าไปปรึกษาประมงอำเภอสหัสขันธ์  จากนั้นได้ลงพื้นที่ศึกษาตามจุดเรียนรู้แหล่งต่าง ๆ  จนมีแนวความคิดที่จะเลี้ยงในบ่อดิน เพราะไม่อยากสิ้นเปลืองในการก่อสร้างโรงเรือน  และมีความต้องการเลี้ยงแบบธรรมชาติมากกว่า  จึงได้ประยุกต์เอาพื้นที่ว่างเปล่าในป่าย่าง มาขุดบ่อลึก 1.20 เมตร ยาว 10 เมตร จำนวน 3 บ่อ รอบปากบ่อใช้มุ้งเขียวมุงรอบ ใช้ผ้าสแลนสีดำปิดปากบ่อโดยใช้ไม้ไผ่ที่หาง่ายเป็นแนวหลักเสริมความแข็งแกร่งของบ่อเลี้ยง  ในการลงทุนครั้งแรกมีค่าใช้จ่ายไม่ถึง 3,000 บาท  ส่วนระบบน้ำได้ใช้น้ำบ่อบาดาลสูบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ปล่อยระบายน้ำเข้า – ออกบ่อเลี้ยงกบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง  โดยได้เริ่มต้นเลี้ยงมา 4 เดือนขณะนี้สามารถจับกบจำหน่ายได้แล้ว รุ่น 4-6 ตัว ต่อ 1 กก.  ขายที่กิโลกรัมละ 100-120 บาท ตามไซส์ของกบนอกจากจะขายกบเนื้อแล้วยังเริ่มเรียนรู้เพาะพันธุ์ลูกกบจำหน่าย และขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กบด้วย ทำให้มีรายได้หมุนเวียนตลอด

     นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า  ด้วยสถานการณ์โควิด  ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนทุกครัวเรือน การออกไปรับจ้างทำงานอาจจะเสี่ยงสูง จึงหันมาทำสวนทำนา ทำไร่ ที่บ้าน โชคดีมีที่ดินทำกิน 15 ไร่ เป็นสวนยางพารา  12ไร่ พื้นที่โคกหนองนา 3 ไร่  พื้นที่เลี้ยงกบนา อยู่ในป่ายาง โดยใช้ช่องว่างระหว่างต้นยางพารา เป็นบ่อขุด นอกจากจะอาศัยร่มเงา ความเย็นสบายในป่ายางเลี้ยงกบนาได้ดีไม่ร้อน  ป่ายางก็จะได้ความชุ่มชื้นจากบ่อกบ หล่อเลี้ยงกันและกัน ซึ่งเป็นการผสมผสานและใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า สำหรับเกษตรกรที่สนใจอยากได้พันธุ์กบ ก็สอบถามมาได้ โดยทางศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง  บ้านศรีสมบูรณ์  ตำบลนิคม  อำเภอสหัสขันธ์  จ.กาฬสินธุ์  ยังเปิดโอกาสให้เพื่อเกษตรกรที่สนใจมาเรียนรู้ได้ทุกวัน ที่บ้านศรีสมบูรณ์  ตำบลนิคม  อำเภอสหัสขันธ์  หรือจะโทรติดต่อได้ที่  095-949-4300 หรือที่สำนักงานประมงอำเภอสหัสขันธ์   084-766-3198 

ทีมข่าวกาฬสินธุ์

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...