"ยืนยันว่าจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับคนไทยและธุรกิจของคนไทย เราต้องช่วยไปด้วยกัน บางทีการสร้างความเข้มแข็งเปรียบเหมือนการนำไม้ไผ่เล็กๆหลายๆแท่งมามัดรวมกันเป็นกำก็จะหักไม่ได้ แต่ถ้าไม้ไผ่เล็กๆ แท่งเดียวจะถูกหักได้ง่าย ดังนั้นเราต้องทำทั้งเรื่องการลงทุนข้ามชาติ การลุงทุนในประเทศโดยคนไทย และส่งเสริมการลงทุนของคนไทยในต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างจีดีพีของประเทศไทยให้เติบโตขึ้น และจะส่งผลให้งบประมาณภาครัฐมีมากขึ้นทำให้ประเทศพ้นกับดักต่างๆไปได้ แล้วเราจะมีเงินมาดูแลประชาชนของเรา เพราะที่ผ่านมาประเทศของเรายังมีการเติบโตไม่เพียงพอ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่าถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนก็จะอยู่ลำบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้มีปัญหาหลายอย่างทั้งเรื่องภาษี การจัดเก็บรายได้ ที่ยังจัดเก็บไม่ได้มากนัก ส่งผลให้มีการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลดังนั้นเราต้องหาทางลดการขาดดุลให้ได้มากที่สุดซึ่งคือการลงทุน วันนี้ได้มีการเจรจากับหลายประเทศและบริษัทหลายแห่งซึ่งเขาสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย เราทุกคนไม่ควรทำลายศักยภาพที่ประเทศเรามีอยู่ ทั้งในเรื่องความสงบเรียบร้อย ความรักความสามัคคี อัตลักษณ์และความหลากหลายทางชีวภาพ เราต้องพัฒนาทั้งหมดนำไปสู่ความทันสมัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเกษตร การพาณิชย์ การลงทุนธุรกิจใหม่ การอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นทุกพื้นที่ สิ่งเหล่านี้คือเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการให้ได้ตามนี้และตามงบประมาณที่เรามี
ขณะเดียวกันเวลาไม่คอยท่าใครถ้าประเทศเราเริ่มก่อนเราก็จะได้ก่อนเราก็จะได้ประโยนชน์ก่อน เพราะเวลานี้เป็นช่วงที่ทุกบริษัทขนาดใหญ่ในโลกกำลังแสวงหาสถานที่ประกอบการที่เหมาะสมที่ทำให้เกิดประโยชน์โดยรวมทั้งของเราและของเขานั่นคือเรื่องสิทธิมนุษยชนด้านเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันเราต้องปรับกฎหมายหลายฉบับควบคู่กับการทำความเข้าใจกับประชาชน ถ้าเราไม่ทำสิ่งเหล่านี้เราก็จะช้าเกินไป จึงขอให้ทุกคนมาช่วยกันทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย ขณะเดียวกันก็ขอให้ ศบศ.ไปรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน ยืนยันว่ารัฐบาลมีนโยบายอยู่แล้วในการสนับสนุนส่งเสริมภาคเอกชน