หน.อช.เขื่อนศรีฯ (กรมอุทยานฯ) ลุยติดประกาศคำสั่ง ให้เจ้าของบ้านพักตากอากาศค่ากว่า 1 ล้าน รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นเขตอุทยานฯภายใน 30 วัน หลังศาลปกครองกลางยกคำอุทธรณ์ พร้อมสั่ง อช.รื้อได้
วันนี้ 10 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตาม นโยบาย ทส.ยกกำลังเอกซ์ ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.รวมทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส.และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาดกับนายทุนผู้บุกรุกป่า แล้วยึดคืนพื้นที่กลับมาฟื้นฟูให้เป็นป่าธรรมชาติดังเดิม นั้น
โดยในวันนี้นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ รายงานให้ทราบว่า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นำป้ายไปติดป้ายประกาศบริเวณบ้านพักตากอากาศของนายทุนมูลค่า 1 ล้านบาท ที่สร้างอยู่ในพื้นที่ป่าริมลำห้วยบ้านแม่กว้า ท้องที่ หมู่ 1 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เพื่อแจ้งเตือนสั่งให้ผู้กระทำผิดหรือบริวาร หรือผู้รับจ้าง ทำลายรื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใด ที่ผิดไปจากเดิมออกไปให้พ้นเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันติดประกาศ เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีดำเนินการรื้อถอนได้ ตามคดีหมายเลขดำที่ อส. 75/2559 คดีหมายเลขแดงที่ อส.1/2564
หากผู้กระทำผิดไม่ดำเนินการรื้อถอนฯภายในระยะเวลากำหนดพนักงานเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการทำลายรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิมดังกล่าเสียเองโดยผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนเป็นเงินจำนวน 80,000 บาท (แปดหมื่นบาทถ้วน) พร้อมทั้งต้องชำระเงินเพิ่มในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 25 ต่อปี ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3(บ้านโป่ง)เปิดเผยว่า สำหรับมูลเหตุแห่งคดีนั้น สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 17 ส.ค.56 คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้ออกปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เมื่อไปถึงท้องที่ป่าแม่กว้า หมู่ 1 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ พิกัด 0500765 E 1601195 N พบพื้นที่ถูกบุกรุกยึดถือครอบครอง ใช้พื้นที่สร้างบ้านพักตากอากาศ ลักษณะคล้ายรีสอร์ท
จาการตรวจสอบพบพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นการโอนสิทธิหรือซื้อขาย และยินยอมให้บุคคลอื่นครอบครอง และทำประโยชน์ในพื้นที่ผ่อนผันให้ราษฎรอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ภายใต้มติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย.2541 และมีการขยายพื้นที่ทำกินเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดพื้นที่ที่ถูกบุกรุก 14-0-38 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เป็นบ้านพักตากอากาศ จำนวน 3 หลัง รวมทั้งมีสิ่งปลูกสร้างอื่นๆอีก จำนวน 4 รายการ
จากนั้นได้นำหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นางอารีรัตน์ เหลืองดอกไม้ ผู้ครอบครองที่ดิน ตาม ปจว. ข้อ 1 ในคดีอาญาที่ 135/2556 ลงวันที่ 17 ส.ค.2556 สำหรับคดีอาญา พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ดังนั้นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จึงออกคำสั่งที่ 76/2556 ลงวันที่ 24 ส.ค.56 ให้ผู้กระทำผิดรื้อทำลายสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้ง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิม ออกไปให้พ้นอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ หรือทำให้สิ่งนั้นกลับสู่สภาพเดิมแล้วแต่กรณี ภายในวันที่ 30 ก.ย.2556 ตามความมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
ต่อมาผู้กระทำผิดได้ยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง โดยมีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในคดีหมายเลขดำที่ ส.1548/2556 ผู้ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งให้รื้อถอนฯ ของหัวหน้าอุทยานฯ ซึ่งศาลปกครองชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง ผู้ฟ้องจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อส. 75/2559 คดีหมายเลขแดงที่ อส. 1/2564 แต่ต่อมาศาลปกครองสูงสุด ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และมีคำสั่งให้อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ออกไปให้พ้นอุทยานฯได้
ทีมข่าวกาญจนบุรี