นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในพิธีเปิดงานวันนี้
(พุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560) ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ว่า “อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมครบวงจร ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกว่า 15,800 ราย ก่อให้เกิดการจ้างแรงงาน กว่า 900,000 คน
เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจยิ่งที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับอันดับ 10
ของโลก โดยในปี 2559 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับนำรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าปี 2560 มูลค่าส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจะขยายตัว
ร้อยละ 5 คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 7,320 ล้านเหรียญสหรัฐ
รัฐบาลไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายในการผลักดันและพัฒนาศักยภาพการผลิตและการค้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก โดยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560 เห็นชอบการลดและยกเว้นอากรศุลกากรอัญมณีและเครื่องประดับ (หมวด 71) เพิ่มเติม 32 ประเภทย่อย ทำให้ภาษี ขาเข้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยทั้งหมวดกลายเป็นศูนย์ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 28 มกราคม 2560
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อาทิ มาตรการด้านภาษี ที่ผู้ประกอบการสามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายประเภทเงินเดือนและค่าจ้างของแรงงาน การจัดทำมาตรฐานสินค้า การพัฒนาและถ่ายทอด องค์ความรู้ด้านกระบวนการผลิตแก่ผู้ประกอบการ SMEs มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในย่านการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญ
“มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าอัญมณีและเครื่องประดับครั้งนี้ เป็นข่าวดีสำหรับการส่งออกสินค้า
อัญมณีและเครื่องประดับไทย เพราะเป็นการปลดล็อคอุปสรรคใหญ่ทางการค้าโดยช่วยลดต้นทุนการผลิตและเอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตซึ่งจะทำให้มีสินค้าใหม่ๆที่มีนวัตกรรมป้อนสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น การลดภาษีจะช่วยลดอุปสรรค และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก (Jewelry Hub) ได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติร่วมบูรณาการและผลักดัน Jewelry Hub ให้บรรลุผล” นางอภิรดีกล่าวย้ำ
ปัจจุบัน ประเทศไทย เป็นผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับอันดับ 10 ของโลก และเป็นผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินและพลอยสีอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น งาน Bangkok Gems and Jewelry Fair จึงนับเป็นเวทีการค้าระดับนานาชาติที่นอกจากจะช่วยให้ผู้ประกอบการได้พบผู้นำเข้าและผู้ซื้อจากทั่วโลกแล้วยังเป็นการเปิดโอกาสให้ SMEs ไทยที่มีศักยภาพได้ขยายฐานลูกค้าและขยายตลาดไปยังต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริม
นักออกแบบและแบรนด์สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้มีเวทีเผยแพร่ผลงานสู่ระดับนานาชาติ
ด้านอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นางมาลี โชคล้ำเลิศ กล่าวว่า “งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ครั้งที่ 59 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘The World’s Gems and Jewelry Destination’ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์และศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
ของโลก โดยมีบริษัทเข้าร่วมงานทั้งจากไทยและต่างประเทศ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ ตุรกี โปแลนด์ และญี่ปุ่น เป็นต้น”
ภายในงาน ยังมีกิจกรรมสัมมนาเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ และเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการ ได้แก่ การสัมมนา Gem ID Rendezvous ซึ่งกรมฯ ได้จัดขึ้นร่วมกับสถาบันวิจัย และพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สวอ.) กรมทรัพยากรธรณี และภาคเอกชน การประกวดและ จัดแสดงทับทิมที่สวยที่สุดในประเทศไทย พร้อมกิจกรรมไฮไลต์ Ruby Heart of Love ที่เป็นการระดมทุนการกุศลที่เชิญชวนร่วมบริจาคทับทิม 700 เม็ดมาเรียงร้อยต่อกันเป็นรูปหัวใจ สื่อถึงความรักและความสามัคคีของคนไทย เพื่อประชาสัมพันธ์เปิดตัวโครงการ World Ruby Forum 2017 ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นปลายปีนี้
โดยรายได้ที่ได้รับจากการบริจาคในครั้งนี้จะนำเข้าสมทบทุนให้แก่มูลนิธิพัฒนาเครื่องมือแพทย์ไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ในสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การสัมมนา Trends of Gems & Jewelry 2017 สัมมนา Export Clinic ซึ่งทูตพาณิชย์จาก 58 แห่งทั่วโลกร่วมให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ แบบรายบุคคล รวมถึงสัมมนา Discovery Gemmiferous Nations ร่วมบรรยายโดยทูตพาณิชย์และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสวอ.
“นอกจากนี้ เพื่อแนะนำเทรนด์และแนวโน้มตลาดที่มีศักยภาพสูงในต่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการ กรมฯ ได้คัดสรรสินค้าของผู้ประกอบการไทยที่มีความโดดเด่นมาจัดแสดงภายในโซน The Showcases
ซึ่งแบ่งเป็น 6 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ ‘60+’ จัดแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับผู้สูงวัย ‘The Moment’ จัดแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับงานแต่งงาน ‘Metro Men’ จัดแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับสุภาพบุรุษ ‘Spiritual Power’ จัดแสดงสินค้ากลุ่มเครื่องประดับแนวความเชื่อ/โชคลาง ‘Culture Club’ จัดแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับหัตถศิลป์ร่วมสมัย ‘Pet Parade’ จัดแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับสัตว์เลี้ยง” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าว