กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม ขานรับนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ภายใต้ แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model เพื่อเป็นแนวทางในการสนับสนุน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น โดยนำร่องผ่านโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Creative Value Design in Circular Economy Fashion & Lifestyles พร้อมเฟ้นหาผู้ประกอบการจำนวน 50 ราย ที่มีศักยภาพในด้านนวัตกรรมอัพไซคลิ่ง จากสิ่งเหลือใช้จากการผลิตสินค้าทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการและการท่องเที่ยว รวมไปถึงวัสดุเหลือใช้จากการอุปโภคบริโภคในท้องถิ่นให้กลายเป็นสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม และยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในท้องตลาด ซึ่งผู้ที่สนใจโครงการดังกล่าวสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2564 ผ่านช่องทาง www.diprom.go.th
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลประกาศ ให้การขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) เป็นวาระแห่งชาติ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้นำนโยบายมาต่อยอด เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งลดสิ่งของเหลือใช้จากกระบวกการผลิตในอุตสาหกรรมโดยจัดการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมุ่งเน้น 4 เป้าหมาย ได้แก่ 1.การสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ 2.การสร้างความมั่นคงทางสังคม 3.การสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม 4.การตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs เพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากนโยบายทั้งกล่าวของกระทรวงอุตสาหกรรม ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม เร่งพัฒนาผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมตามแนวทางนโยบายดังกล่าวให้มีโอกาสเติบโตในช่วงที่วิถีชีวิตของคนทั่วโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง พร้อมผลักดันโอกาสในด้านการเข้าถึงองค์ความรู้ ช่องทางการตลาด รวมทั้งนำนวัตกรรมมาต่อยอดของเหลือใช้ หรือ ธุรกิจที่ลดใช้ทรัพยากร - พลังงาน มีมูลค่าบนช่องทางการค้าที่มากขึ้น โดยดีพร้อมได้ทำการศึกษาตลาดอุตสาหกรรม BCG MODEL ซึ่งพบว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา มีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นมีมูลค่ารวม 114,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2562 ซึ่งมีมูลค่า 98,006 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 17.21 (ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน : BOI) นอกจากนี้ BCG MODEL ยังเป็นส่วนสนับสนุนให้ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น เกษตรและอาหารแปรรูป การท่องเที่ยวและบริการ หรืออุตสาหกรรมพลังงานและวัสดุมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
นายเจตนิพิฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อขานรับกับมาตรการเร่งด่วนดังกล่าว ดีพร้อมจึงได้ดำเนินโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Creative Value Design in Circular Economy Fashion & Lifestyles ขึ้น เพื่อส่งเสริมการนำความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และการออกแบบมาใช้ในการผลิตสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ และผลักดันการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้าน “อัพไซคลิ่ง (Upcycling)” ซึ่งเป็นแนวทางการแปรรูป – ผสมผสานการใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) สิ่งเหลือใช้จากการผลิตสินค้าทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการและการท่องเที่ยว รวมไปถึงวัสดุเหลือใช้จากการอุปโภคและบริโภคในท้องถิ่น และวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ ให้กลายเป็นสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งเพื่อเจาะตลาดธุรกิจและบริการรักษ์โลกที่ขณะนี้ผู้บริโภคตั้งแต่กลุ่ม Baby boomer จนถึงกลุ่ม Gen Z ที่กำลังให้ความสำคัญและมีอัตราการใช้จ่ายสินค้าที่มีความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมในปริมาณที่สูง
“โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Creative Value Design in Circular Economy Fashion & Lifestyles เป็นโครงการที่ ดีพร้อม และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC มีความตั้งใจที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมตามแนวคิด BCG MODEL ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เนื่องจากตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และบางประเด็นทางเศรษฐกิจ - สังคม ที่กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต เช่น ปัญหาของขยะพลาสติก ปัญหาภาวะโลกร้อน ปัญหาของเหลือใช้ที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยโครงการนี้จะคัดเลือกกลุ่ม SMEs นิติบุคคล หรือบุคลากร เช่น ทายาทธุรกิจ พนักงานในอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อุตสาหกรรมเกษตร - อาหารแปรรูป และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ มาร่วมบ่มเพาะกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการจากของเหลือใช้ปรับให้เป็นแบรนด์ที่รู้จักในท้องตลาด สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ เช่น การอยู่อาศัย การบริโภค การทำงาน การนันทนาการ ฯลฯ รวมถึงปั้นผู้นำเทรนด์ (TrendSetter) ในด้านการออกแบบที่คำนึงถึงอรรถประโยชน์และสิ่งแวดล้อมในสาขาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ไม่น้อยกว่า 50 ราย ซึ่งผู้ที่สนใจเข้าร่วมในโครงการดังกล่าว สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2564 ผ่านช่องทาง www.diprom.go.th หรือ facebook.com/dipromindustry”
อย่างไรก็ดี ดีพร้อมได้ดำเนินงานภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2564 ได้ดำเนินโครงการ Upcycling for sustainable Lifestyle ซึ่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ของผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 52 กิจการ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) จากการนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด วัสดุเหลือใช้ทางอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม วัสดุรีไซเคิล และวัสดุในท้องถิ่น นำมาออกแบบ พัฒนา และผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เชิงสร้างสรรค์ โดยสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียในกิจการละ 5,000 – 300,000 บาทต่อปี และสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่สูงถึง 30 ล้านบาทต่อปี ซึ่งดีพร้อมได้มอบโล่รางวัลและเกียรติบัตรให้แก่ตัวแทนผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่สนใจต่อไป นายเจตนิพิฐ กล่าวทิ้งท้าย