นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ต่อขอบเขตการศึกษาและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่าเทียบเรือ บริษัท สยามนาวี จำกัด ที่ศาลาเอนกประสงค์ วัดท่าทองใหม่ ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นภาคเอกชนในพื้นที่ ที่ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการเช่าพื้นที่คลังสินค้าทั่วไปและเป็นท่าจอดเรือ ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้ใช้เป็นท่าเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน การประกอบกิจการขนส่งทางนํ้ามีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านขนาดของเรือและปริมาณสินค้า ประกอบกับศักยภาพในการขนส่งทางนํ้าได้ขยายขีดความสามารถของเรือและท่าเรือเชิงพาณิชย์เพื่อมารองรับและสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเดินเรือฯได้หันมาใช้เรือที่มีขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสมากขึ้น ทำให้เรือบรรทุกสินค้าที่มีขนาดเล็กมีจำนวนลดลง กรมเจ้าท่า จึงได้ออก “ระเบียบกรมเจ้าท่า ว่าด้วยการขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือ ขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ให้สามารถใช้เทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสได้ พ.ศ. 2563
”เพื่อให้ท่าเทียบเรือที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือที่ได้รับอนุญาตแล้วและไม่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจากใบอนุญาตเดิม ให้ดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ซึ่งสอดคล้องกับ“ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่องกำหนดประเภทโครงการกิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562”
ซึ่งได้กำหนดให้โครงการประเภทท่าเทียบเรือที่รองรับเรือขนาดตั้งแต่ 500 ตันกรอสขึ้นไป ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) จากเหตุผลข้างต้นส่งผลให้ท่าเทียบเรือหลายแห่งรวมถึงท่าเทียบเรือของบริษัท สยามนาวีจำกัดถึงแม้จะเปิดดำเนินการมาแล้วก็ตามก็จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงได้มอบหมายให้บริษัทสิ่งแวดล้อมสยามจำกัดซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ได้รับอนุญาตเป็นผู้มีสิทธิ์จัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมดำเนินการศึกษาและจัดทำรายการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA)ซึ่งเป็นที่มาของการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย
สำหรับโครงการท่าเทียบเรือ บริษัท พี.เค. มารีน เทรดดิ้ง จำกัด เป็นภาคเอกชนในพื้นที่ ที่ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการขนถ่ายสินค้าทั่วไปและนํ้ามันปาล์ม ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้ใช้เป็นท่าเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส แต่ด้วยในสถานการณ์ปัจจุบัน การประกอบกิจการขนส่งทางนํ้ามีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านขนาดของเรือและปริมาณสินค้า ประกอบกับศักยภาพในการขนส่งทางนํ้าได้ขยายขีดความสามารถของเรือและท่าเรือเชิงพาณิชย์เพื่อมารองรับและสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
ส่งผลให้ผู้ประกอบการเดินเรือฯ ได้หันมาใช้เรือที่มีขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสมากขึ้น ทำให้เรือบรรทุกสินค้าที่มีขนาดเล็กมีจำนวนลดลง กรมเจ้าท่า จึงได้ออก“ระเบียบกรมเจ้าท่า ว่าด้วยการขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือ ขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ให้สามารถใช้เทียบเรือขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอสได้ พ.ศ. 2563” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ท่าเทียบเรือที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์หรือประเภทการใช้ท่าเทียบเรือที่ได้รับอนุญาตแล้วและไม่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจากใบอนุญาตเดิม ให้ดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
สอดคล้องกับ“ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562” ซึ่งได้กำหนดให้โครงการประเภทท่าเทียบเรือที่รองรับเรือขนาดตั้งแต่ 500 ตันกรอสขึ้นไป ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากเหตุผลข้างต้น ส่งผลให้ท่าเทียบเรือหลายแห่ง รวมถึง ท่าเทียบเรือของบริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ถึงแม้จะเปิดดำเนินการมาแล้วก็ตาม ก็จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงได้มอบหมายให้ บริษัท สิ่งแวดล้อมสยาม จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ได้รับอนุญาตเป็นผู้มีสิทธิ์จัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมดำเนินการศึกษาและจัดทำรายการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งเป็นที่มาของการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย