บ.ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ได้ฤกษ์เปิดใช้ระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ บางปะอิน-นครลำปาง เดินหน้าขับเคลื่อนเสริมความมั่นคงด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายพลากร สุวรรณรัฐ ประธานกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบิน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) เป็นประธานในพิธีเปิดระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ (บางปะอิน-นครลำปาง) ซึ่งเป็นระบบท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศไทย โดยมี ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร และ ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายลอยเลื่อน บุนนาค ประธานคณะกรรมการบริหารโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมัน และคลังน้ำมันไปภาคเหนือ นายเจริญ จารุไสลพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อจำกัด (FPT) ร่วมในพิธี ณ คลังน้ำมันนครลำปาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง
ทั้งนี้ สำหรับโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ เป็นโครงการที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงพลังงาน ที่ได้มอบหมายให้บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันและเสริมสร้างความมั่นคง ด้านพลังงานของประเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบรรทุกน้ำมัน ลดมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อีกทั้ง ยังเป็นการรองรับการเจริญเติบโตของการเปิดท่าอากาศยานแห่งใหม่ในพื้นที่ทางภาคเหนือ รองรับการพัฒนาประเทศด้านการขนส่งพลังงาน และรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัทผู้ร่วมดำเนินโครงการฯ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการและอยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของรัฐบาล โดยกระทรวงพลังงาน ได้มีข้อตกลงให้กลุ่มบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS Group เป็นผู้ลงทุนกว่า 10,900 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นเก้าร้อยล้านบาท) โดยมี FPT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือและเป็นผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ เป็นผู้บริหารจัดวางระบบท่อขนส่งน้ำมัน คลังน้ำมัน ที่จะสามารถขนส่งน้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน และน้ำมันเบนซินพื้นฐานออกเทน 91 และ 95 ภายในท่อเดียวกันได้ ซึ่งโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ นับเป็นท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศไทย ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มบริษัท แม้โครงการจะให้ผลตอบแทนทางการเงินที่ต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สูงมาก
โดยการขนส่งน้ำมันทางท่อเป็นการขนส่งที่ใช้ไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมัน จึงทำลดปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีปริมาณไม่ต่ำกว่า 30,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี รวมทั้งช่วยลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งน้ำมัน และประการสำคัญจะช่วยแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำของราคาน้ำมัน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ มีโอกาสที่จะได้ใช้น้ำมันในราคาที่ใกล้เคียงกับคนในพื้นที่ภาคกลาง
อีกทั้ง คลังน้ำมันนครลำปาง จะเป็นยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญในด้านการเก็บสำรองน้ำมัน ที่จะช่วยรองรับการเจริญเติบโตของภาคเหนือ รวมทั้งยังเป็นจะจุดจ่ายน้ำมันที่สำคัญไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้การส่งออกน้ำมันจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านมีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ