วันที่ 22 ธ.ค.64 ชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ร้องเรียนว่า มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ และ อส.อำเภอ เหนือคลอง กว่า 20 นาย สนธิกำลังเข้าไปดำเนินการตรวจสอบการต่อเรือและไปจับกุมดำเนินคดีกับชาวบ้านที่ทำอาชีพต่อเรือหัวโทง ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ในพื้นที่ ด้วยข้อหาเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนทำให้ชาวบ้านเกิดข้อสงสัยว่าที่ผ่านมาไม่เคยทราบเรื่องเหล่านี้มาก่อน ทั้งที่ชาวบ้านได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของหน่วยงานรัฐอย่างดีและไม่เคยมีการจับกุมดำเนินคดี
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบนายพดุงเดช ผทัยกุล อ.42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 ม.1 ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ซึ่งเป็น 1 ในชาวบ้าน 2 รายที่ถูกจับกุมดำเนินคดี พบว่ามีการนำท่อนไม้ซุงมากองไว้ เพื่อเตรียมแปรรูป เข้าขบวนการต่อเรือหัวโทง ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น นับ 100 ปี จนเป็นที่รู้จักกันว่า ต.ตลิ่งชัน เป็นแหล่งต่อเรือ ที่ดีที่สุดของจังหวัดกระบี่ และได้มีการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์เรือหัวโทง ต.ตลิ่งชัน ผลิตเรือหัวโทง จำหน่ายทั้งในพื้นที่ จ.กระบี่ และ จ.ใกล้เคียง สร้างรายให้แก่คนในพื้นที่ ปีละนับล้านบาท
นายพดุงเดช เล่าว่า ตนได้ยึดอาชีพต่อเรือหัวโทงมานาน โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมานับ 100 ปี โดยมีการจดทะเบียนถูกต้องและเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ อส.อ.เหนือคลอง ประมาณ เกือบ 30 นาย ได้บุกเข้ามาตรวจสอบไม้ที่วางอยู่ในที่ต่อเรือของตน พบว่าไม้มีหลักฐานถูกต้อง แต่มีเลื่อยยนต์ขนาดเล็ก มีกำลังไม่ถึง 1 แรง ซึ่งใช้ในการแปรรูปไม้เป็นส่วนต่างๆในการประกอบเป็นตัวเรือ อาทิ กงเรือ หัวเรือ ท้องเรือ เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นก็ได้ตรวจยึดเป็นของกลางดำเนินคดีกับตนทันที ข้อหา ผลิตและนำเข้าเครื่องยนต์เลื่อยโซ่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตอนนี้เรื่องอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน
"ตนยึดอาชีพต่อเรือมาหลายปี ไม่เคยมีปัญหา เลื่อยยนต์ก็ไม่เคยนำไปทำผิดกฏหมาย ใช้เฉพาะเลื่อยไม้ในสถานที่ที่ต่อเรือเท่านั้น แต่จู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่บุกจับกุม บอกว่าเลื่อยยนต์ของตนผิดกฎหมาย ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตุว่า ในชุมชน หมู่บ้าน มี เลื่อยยนต์นับ 100 เครื่อง ชาวบ้านใช้เป็นเครื่องมือในการแปรูไม้เพื่อต่อเรือ และไม่เคยมีใครถูกจับ ตนเป็นคนแรก ยอมรับว่าท้อใจ ทำงานบริสุทธิ์แต่ยังถูกจับกุมดำเนินคดี ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงให้ชัดว่าอะไรทำได้ไม่ได้ ตอนนี้ชาวบ้านกลัวมาก"นายผดุงเดช กล่าว
ด้านนายสุพัตร เชื้อทะเล ประธานกลุ่มอนุรักษ์เรือหัวโทง ต.ตลิ่งชัน กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ทางตนและชาวบ้านได้ไปยื่นหนังสือต่อนายอำเภอเหนือคลองขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบกิจการต่อเรือหัวโทงไม้ และการครอบครองเลื่อยยนต์ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายทำให้มีชาวบ้านถูกดำเนินคดี เพราะกฏหมายบางอย่างชาวบ้านไม่รู้ และเมื่อนายผดุงเดช ถูกจับทำให้ชาวบ้านรู้สึกกังวลใจต่อการประกอบอาชีพและการคงไว้ซึ่งภูมิปัญญาของท้องถิ่นที่สีบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดกระบี่มาอย่างยาวนาน ในนามกลุ่มอนุรักษ์เรือหัวโทง ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่
จึงขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเวทีชี้แจงในเรื่องของกฎกติกา กฎระเบียบ
และรับฟังปัญหาของชาวบ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันและเพื่อให้ได้
ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ นำไปสู่การปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ชี้แจงข้อกฎหมายในการใช้เลื่อยโซ่ยนต์ กับชาวบ้าน โดยบอกว่ากฏหมายก็คือกฏหมาย เมื่อกระทำผิดก็ต้องจับ หากชาวบ้านไม่อยากถูกจับก็ต้องปฎิบัติให้ถูกต้อง
ทีมข่าวกระบี่