ทั้งนี้ กรณีที่ภรรยาของนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกคดีเสือดำ ในเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ เดินทางเข้าพบท่านรมว.กระทรวงยุติธรรม และรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสื่อขอความเป็นธรรม ขอให้ส่งนายเปรมชัย ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยอ้างว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ และเกรงว่านายเปรมชัยจะติดโควิด-19 ในเรือนจำ เพราะวิตกว่าเครื่องไม้เครื่องมือและเจ้าหน้าที่ของเรือนจำจะดูแลได้ไม่ดีพอนั้น
การขอย้ายผู้ต้องขังไปรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น ในอดีตเคยใช้เป็นเทคนิควิธีการที่จะช่วยผู้ต้องขังไม่ให้ต้องรับโทษในเรือนจำ เพราะในโรงพยาบาลจะกิน จะนอน เดินเหินสามารถทำได้สะดวก โดยไม่ต้องคอยปฏิบัติระเบียบกฎเกณฑ์ในการอยู่ในเรือนจำที่เข้มงวด ดังนั้น นักโทษที่มีเงิน มีชื่อเสียง ก็มักจะใช้เทคนิควิธีการดังกล่าวกันมากในอดีต แต่ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีระบบการรักษาพยาบาลผู้ต้องขังที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลแล้ว อีกทั้งยังมีทัณฑสถานโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ การใช้ข้ออ้างและเทคนิคดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปแล้ว
นอกจากนั้น นายเปรมชัย กรรณสูต เพิ่งถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุกในคดีเสือดำเป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน และเพิ่งเข้ารับโทษ ชดใช้กรรมเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ยังไม่ทันข้ามเดือน ข้ามปี ก็มาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกันแล้ว อีกทั้งยังกล่าวอ้างด้อยค่าเครื่องไม้เครื่องมือและเจ้าหน้าที่ของเรือนจำ ในระบบการดูแลผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์เสียอีก ซึ่งกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรมไม่ควรตกหลุมพรางในเรื่องดังกล่าว