วันนี้ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจ สกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย สามารถจับกุมยาเสพติดในหลายพื้นที่ ได้แก่ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ ๒ ยึดยาไอซ์ ๒๒๐ กิโลกรัม ที่ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ,กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ ๓ ยึดยาบ้า ๑๑๐,๐๐๐ เม็ด ได้ที่ อ.เมือง จ.ลำปาง และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ ๔ ยึดกัญชาอัดแท่ง ๕๐๐ กิโลกรัม ได้ที่ จ.ชุมพร ส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะและการพัฒนาพื้นที่ รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการป้องปรามการแข่งรถในทางและตรวจสอบการบริการรถสาธารณะ นั้น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ ๑-๔
ได้ดำเนินการใน ๖๒ จังหวัด พบกระทำผิด ๓๙๔ ครั้ง ส่วนโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ ซึ่งดำเนินการใน ๗๕ จังหวัด ขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วร้อยละ ๘๓
การประชุมวันนี้ รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้ความสำคัญและกำชับทุกส่วนงานให้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในทุกเรื่อง ซึ่งเป็นที่สนใจของสังคมและเรื่องที่ประชาชนอาจได้รับผลกระทบ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการหรือโครงการของรัฐบาลที่มีการปรับเปลี่ยนตามเหตุการณ์ อาทิ การขยายระยะเวลาดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐในพื้นที่น้ำท่วม. จ.นครศรีธรรมราช , มาตรการแก้ปัญหาของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอุตสาหกรรมน้ำตาล และการสร้างความเข้าใจในเรื่องพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ เป็นต้น รวมทั้งการให้ข้อมูลและชี้แจงการปฏิบัติของภาครัฐต่อการแก้ไขปัญหาเฉพาะเรื่อง อาทิ เหตุผลและความจำเป็นในการใช้ มาตรา ๔๔ ในการบริหารราชการแผ่นดินและแก้ไขปัญหาของประชาชน , การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กรณีวัดพระธรรมกาย , การจัดระเบียบชุมชนป้อมมหากาฬ เป็นต้น ทั้งนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะได้ใช้กลไกที่มีอยู่ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงข้อเท็จจริงในทุกกรณี เพื่อให้เกิดการรับรู้ที่ถูกต้อง มิให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดที่มีความพยายามสร้างข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนเกิดความสับสน
นอกจากนี้ รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังได้กำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เร่งดำเนินการตามบัญชาของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยังยืน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการทั้งในส่วนของลูกหนี้และเจ้าหนี้ในทุกมิติ สำหรับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จะเข้าไปสนับสนุนโดยเฉพาะการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้
นอกระบบที่ผิดกฎหมายในทุกพื้นที่ รวมทั้งการตรวจสอบและป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ส่วนในเรื่องการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งพื้นที่ตอนในและแนวชายแดน ก็จะดำเนินการอย่างเข้มข้น ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ขณะเดียวกัน รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังให้ความสำคัญกับ ปัญหาภัยแล้ง ได้มอบหมายให้ทุกส่วนราชการเร่งบูรณาการป้องกันและรับมือกับภาวะดังกล่าว
ในทุกมิติ ให้สอดคล้องกับความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละพื้นที่ ทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเข้าแจกจ่ายน้ำ ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน
ผ่านโครงการบริหารจัดการน้ำที่ทุกส่วนได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ด้วยการขุดลอกและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำใช้ในการอุปโภค บริโภคและการเกษตร การสร้างฝายชะลอน้ำ และการจัดหาภาชนะเก็บน้ำ
อย่างไรก็ตาม การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการคลี่คลายทุกความเดือดร้อนของประชาชน ผ่านกลไกการแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ และศูนย์ดำรงธรรม มาตลอดนั้น รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระบุว่า เรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนร้องเรียนผ่านหน่วยงานต่างๆ ให้ส่วนที่เกี่ยวข้อวติดตามในทุกขั้นตอน ควบคู่ไปกับการแจ้งความคืบหน้าของการแก้ปัญหาให้ผู้ร้องเรียนทราบเป็นระยะ เพื่อให้เกิดการรับรู้ร่วมกันและไม่ไปดำเนินการในช่องทางที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ การสร้างความเข้าใจกับประชาชน เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกหน่วยงานจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนได้เกิดความพึงพอใจ และมั่นใจในกระบวนการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ