กรมการค้าต่างประเทศชี้แจงความคืบหน้าการต่ออายุโครงการ GSP ของสหรัฐอเมริกาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายจากรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อต่ออายุโครงการ GSP ให้กับประเทศที่ได้รับสิทธิฯ ทุกประเทศทั่วโลก พร้อมเผยไทยร่วมผนึกกำลังกับพันธมิตรอีก 26 ประเทศ เรียกร้องรัฐสภาสหรัฐฯ เร่งพิจารณาร่างกฎหมาย ย้ำผู้ประกอบการไทยยังส่งสินค้าไปสหรัฐฯ ได้ตามปกติ
นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการต่ออายุโครงการ GSP ที่สหรัฐอเมริกาให้แก่ประเทศต่างๆ รวมถึงไทย ซึ่งหมดอายุลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการดำเนินขั้นตอนเพื่อผ่านร่างกฎหมายการต่ออายุโครงการ GSP ซึ่งในส่วนของการดำเนินการของประเทศไทยนั้น ไทยได้ร่วมกับกลุ่ม Alliance for GSP Countries (A-GSPC) ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP ที่ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 27 ประเทศ อาทิ ไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อาร์เจนตินา บราซิล คาซัคสถาน ศรีลังกา ยูเครน เป็นต้น ในการยื่นหนังสือขอให้รัฐสภาสหรัฐฯ เร่งพิจารณาร่างกฎหมายการต่ออายุโครงการ GSP โดยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการ GSP ในประเด็นต่างๆ ได้แก่ (1) ความสำคัญของโครงการ GSP ที่มีต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประเทศผู้ได้รับสิทธิ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย (2) โครงการ GSP ช่วยลดต้นทุนให้กลุ่มผู้ผลิตสินค้าและผู้ให้บริการในสหรัฐฯ ที่จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าชั้นกลางมาใช้ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและภาคบริการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ซื้อสินค้านำเข้าในราคาที่ถูกลงได้ และ (3) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การต่ออายุโครงการ GSP จะเป็นปัจจัยส่งเสริมและช่วยเหลือนโยบายภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นและฟื้นเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP
การต่ออายุโครงการ GSP ครั้งใหม่นี้มีความเป็นไปได้ว่า สหรัฐฯ จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขในการให้สิทธิ GSP แก่ประเทศต่าง ๆ ให้สะท้อนประเด็นที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ เช่น ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ด้านแรงงาน รวมถึงหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสินค้าที่ได้รับสิทธิ หลักเกณฑ์มูลค่าการนำเข้า (Competitive Need Limit : CNL) กฎแหล่งกำเนิดสินค้า เป็นต้น
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เน้นย้ำว่าแม้โครงการ GSP สหรัฐฯ สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการไทยยังสามารถส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ได้ตามปกติ โดยผู้นำเข้าสหรัฐฯ ที่นำเข้าสินค้าที่เคยได้รับสิทธิ GSP จะต้องชำระภาษีในอัตราปกติ (MFN rate) ไปจนกว่าจะมีการต่ออายุโครงการฯ และเพื่อเป็นการรักษาสิทธิฯ ผู้นำเข้าจะต้องแจ้งความประสงค์ในการขอใช้สิทธิ GSP ตามปกติ โดยที่ผ่านมาสหรัฐฯ จะทำการคืนภาษีที่ชำระไปหรือคืนหลักประกันการนำเข้าให้แก่ผู้นำเข้าสินค้าภายใต้ GSP เมื่อโครงการฯ ได้รับการต่ออายุเรียบร้อยแล้ว
หากผู้ประกอบการมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือโทร สายด่วน 1385 รวมถึงไลน์แอปพลิเคชันชื่อบัญชี “@gsp_helper”