ร้านอาหารตามสั่งข้างศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย ให้ลูกค้าตำส้มตำรับประทานฟรี มาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี และยืนยันจะทำต่อเนื่องต่อไป แม้ราคามะละกอและเครื่องปรุงในการตำส้มตำจะแพงขึ้น เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าในสภาวะสินค้าหลากหลายชนิดปรับขึ้นราคา
ร้านอาหารตามสั่งไม่มีชื่อแต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเรียกว่าร้านแม่ใหญ่หนา หรือร้านใต้ต้นหูกวาง ข้างศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย ที่มีนายวีรพล สีหานาม อายุ 72 ปี อดีตลูกจ้างประจำ วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย พร้อมญาติ ๆ ช่วยกันทำ โดยมีการปรับปรุงบ้านของตนเองให้เป็นร้านอาหารตามสั่งหลังเกษียณอายุราชการ ขายมาแล้วเป็นเวลากว่า 12 ปี อาหารขึ้นชื่อของร้านก็จะเป็นกะเพาหมูกรอบ ที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะต้องสั่งรับประทานกัน นอกจากนี้ก็มีเมนูอาหารตามสั่งที่ไม่แตกต่างจากร้านอาหารตามสั่งทั่วไป แต่สิ่งที่ร้านแห่งนี้แตกต่างจากร้านอาหารตามสั่งร้านอื่น ๆ คือให้ลูกค้าตำส้มตำรับประทานได้ฟรี มาตั้งแต่ปี 2559 เป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว
โดยทางร้านจะเตรียมวัตถุดิบและเครื่องครัวในการตำส้มตำให้ พร้อมน้ำปลาร้านัวๆ ลูกค้าอยากได้รสชาติแบบไหนก็ปรุงตามใจชอบ อยากตำกี่จานก็ไม่ว่า แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ตำแค่พอรับประทาน ซึ่งในแต่ละวันจะเตรียมมะละกอไว้วันละ 5-6 กก.และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรของส่วนราชการที่อยู่ภายในศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดหนองคาย ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อส้มตำให้กับลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารภายในร้านได้เป็นอย่างดี ยิ่งขณะนี้อยู่ในช่วงที่สินค้าหลากหลายชนิดมีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมะละกอที่ใช้ในการตำส้มตำด้วย ที่มีการปรับราคาจากเดิมเกือบ 4 เท่าตัว แต่ทางร้านก็ไม่ได้มีการปรับราคาอาหารที่ขายอยู่ คือยังคงขายราคาจานละ 45 บาท ถ้ามีไข่ดาวก็เพิ่มอีก 5 บาทเท่านั้น ส่วนส้มตำฟรีก็ยังคงให้ลูกค้าได้ตำรับประทานฟรีเหมือนเดิม อีกทั้งยังมีบริหารอาหารตามสั่งส่งให้กับลูกค้าที่อยู่ภายในศาลากลางจังหวัด อีกด้วย ทำให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายวีรพล สีหานาม เจ้าของร้าน บอกว่าส้มตำฟรีได้ทำมาตั้งแต่พ่อหลวง (ร.9) เสด็จสวรรคต ในปี 2559 ซึ่งก่อนหน้านั้นนำมะละกอ พร้อมเครื่องตำส้มตำมาให้ลูกค้าตำเอง โดยคิดราคาจานละ 10 บาท แต่ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งไว้ เลยปรับเป็นให้ตำเองฟรี และได้ทำต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมา ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อส้มตำให้กับลูกค้าได้มากพอสมควร และยืนยันจะทำแต่เนื่องต่อไปมีราคามะละกอจะแพงขึ้นหลายเท่าตัว ส่วนราคาอาหารตามสั่งก็ยังคงตรึงราคาเดิม ดูว่าจะรับภาระที่เพิ่มขึ้นไหวไหม ถ้ารับไม่ไหวจึงจะปรับราคาขึ้น ขณะนี้ขายในราคาจานละ 45 บาท ถ้ามีไข่ดาวก็จะขายราคาจานละ 50 บาท ซึ่งตนขายอาหารตามสั่งมาแล้วมากกว่า 10 ปี หลังจากที่เกษียณอายุราชการ
ลูกค้าที่มารับประทานอาหารที่ร้านประจำ บอกว่า การมีส้มตำฟรีเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ประหยัดเงินไปได้หลายบาท เพราะหากเราซื้ออาหารแล้ว ถ้าต้องซื้อส้มตำเพิ่มอีก ก็จะต้องเพิ่มเงินอีกอย่างน้อยครึ่งหนึ่งหรือเท่าหนึ่งทีเดียว