ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ วันที่ 20 ม.ค. 65 สืบเนื่องจากที่สื่อมวลชน ได้นำเสนอข่าวสองสามีภรรยาชาวศรีสะเกษที่ไปประกอบอาชีพค้าขายผลไม้อยู่ย่านประตูน้ำ ใน กทม. โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีน พอต้นปี 2563 มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการปิดประเทศไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาก็ขายไม่ได้ จึงกลับมาอยู่บ้านที่ศรีสะเกษ สองสามีภรรยาที่ว่านี้ คือ นายประครอง จำปาเรือง อายุ 42 ปี ภรรยาชื่อ น.ส. วรรณา จำปาเรือง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 บ้านหนองแสง หมู่ 11 ต.น้ำคำ อ.เมืองศรีสะเกษ ถึงเวลานี้ ขายหมูและเนื้อแดดเดียวมาเกือบสองปีแล้ว มีลูกค้ารู้จักมากมาย จากที่เคยขายหมูวันละ 7-8 กก.เพิ่มเป็นวันละ 10-12 กก.ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นมาก
น.ส. วรรณา จำปาเรือง กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนที่มาทำข่าวร้านของเรา ทำให้ลูกค้าได้รู้จักมากขึ้น ลูกค้าหลายรายที่ยังไม่เคยมาซื้อยังไม่รู้จักร้านเรา เขาเห็นในข่าว รู้ว่าร้านอยู่ตรงไหนเขาก็ตามมา พอมาถึงก็ถามว่าร้านนี้ที่ออกข่าวใช่ไหม ก็จึงได้ลูกค้าเพิ่ม เมื่อก่อน ตอนที่ขายแรกๆ มาขายตั้งแต่เก้าโมงเช้า บ่ายขายไม่หมด ต้องย้ายรถเข็นไปขายต่อในตลาดเทศบาล 3 จนบ่ายสามโมงจึงหมดได้กลับบ้าน ตอนนี้ขายถึงเที่ยงวันก็หมดแล้ว ทำหมูทำเนื้อเพิ่มขึ้นอีก จากที่เคยขายได้วันละ 2,000 กว่า 3,000 บาทยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 5,000 กว่าบาททำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นสามารถเลี้ยงดูส่งเสียลูกสองคนเรียนหนังสือเลี้ยงพ่อแม่ได้สบาย มีลูกค้าเรียกร้องขอให้ขายเช้าขึ้น เพื่อให้นักเรียนจะไปโรงเรียนได้กิน ตนจึงออกมาเร็วขึ้น ก่อไฟเสร็จย่างหมู่ย่างเนื้อไว้พร้อมขายตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้ขายหมดเร็วขึ้น ตนไปจ่ายตลาดตอนตีหนึ่ง ได้หมู ได้เนื้อสดๆ ใหม่ๆ มาทำขายรสชาติจึงอร่อย
“ส่วนที่เนื้อหมูขึ้นราคา ในเวลานี้ ตนยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากตนมีเขียงหมูที่เป็นเจ้าประจำ ตนซื้อมากและซื้อมานาน ทางเจ้าของเขียงจึงขายให้ตนราคาถูกกว่าคนอื่น ตนจึงไม่ขึ้นราคา หมูแดดเดียว เนื้อแดดเดียว ยังขายราคาพวงละ 10 บาท แหนมหมูแหนมเนื้อมีทั้งสดและย่างไฟก็ขายห่อละ 10 บาทเหมือนเดิมตนพยายามไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบมาก ส่วนในอนาคต ถ้าหากหมูแพงขึ้นมาก และแพงเป็นเวลานานๆ ตนก็คงจะขายราคาเดิมไม่ได้ คงต้องขึ้นราคา แต่ก็จะต้องแจ้งให้ลูกค้ารู้ล่วงหน้า ต้องทำความเข้าใจกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ารับได้” น.ส.วรรณา กล่าว.
ทีมข่าวศรีสะเกษ