ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
อภัยภูเบศร์เปิด 4 สมุนไพรแก้โรคซึมเศร้า
23 ม.ค. 2565

ภญ.อาสาฬา เชาวน์เจริญ เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า โรคซึมเศร้า กำลังเป็นปัญหาสำคัญในสังคมปัจจุบัน และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้มีสมุนไพร 4 ตัว ที่มีข้อมูลว่าสามารถช่วยต้านโรคซึมเศร้าได้คือ

1. ขมิ้นชัน มีการศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยซึมเศร้า เปรียบเทียบการใช้สารสกัดขมิ้นชัน 500 มก. หลังอาหารเช้าและเย็น และยาต้านซึมเศร้า (Fluoxetine 20 mg) เป็นเวลา 6 สัปดาห์ เปอร์เซ็นต์การตอบสนองผลการรักษาของผู้ป่วย ยาต้านซึมเศร้า 64.7% สารสกัดขมิ้นชัน 62.5% และเมื่อใช้ร่วมกันทั้ง ยาต้านซึมเศร้า และสารสกัดขมิ้นชัน จะให้ผลตอบสนอง 77.8% ทั้งนี้การรับประทานแบบผงแห้งให้ใช้ยาแคปซูลขมิ้นชัน 2 แคปซูล หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็นและก่อนนอน โดยมีข้อควรระวังในการใช้ในผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี หญิงตั้งครรภ์ ยกเว้นภายใต้การดูแลของแพทย์ และควรระวังการใช้ในเด็กเนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิผลและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังควรระวังการใช้ร่วมกับสารกันเลือดลิ่ม (anticoagulants) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets)

2. บัวบก มีการใช้บัวบกเป็นยามาแต่โบราณ ทั้งในศาสตร์อายุรเวท และการแพทย์แผนจีน บัวบกสามารถบรรเทาอาการโรควิตกกังวลได้ จากการศึกษาการใช้สารสกัดบัวบก 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร ในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรควิตกกังวล อายุตั้งแต่ 18  ปีขึ้นไป 33 คน พบว่าเริ่มเห็นผลการรักษาที่ 1 เดือน และเห็นผลชัดเจนขึ้นที่ 2 เดือน โดยช่วยลดความผิดปกติที่เกิดจากความกังวล ลดความเครียดและลดอาการซึมเศร้าได้ ทำให้ความเต็มใจที่จะปรับตัวและเรียนรู้ดีขึ้น สำหรับการรับประทานสามารถคั้นน้ำจากใบบัวบกสดแบบเข้มข้น วันละ 1-2 ช้อนชา หากเป็นใบแห้งให้ใช้ครั้งละ 1-2 ช้อนชา (5-10 กรัม) ชงกับน้ำเดือด 150 ซีซี แล้วจิบดื่มวันละ 2-3 เวลา ส่วนชนิดแคปซูล รับประทานวันละ 2-3 แคปซูล ทั้งนี้ หากหวังผลบำรุงสมองคลายเครียด ควรรับประทานต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไป

สำหรับข้อควรระวัง คือ บัวบกเป็นยาเย็น ไม่ควรรับประทานทีละเยอะๆ ทุกวัน อย่างกรณีที่รับประทานเป็นกํา จะต้องทานบ้างหยุดบ้าง ถ้ารับประทานสดทุกวัน ควรรับประทานแต่น้อย ประมาณ 3-6 ใบก็พอ คนที่อ่อนเพลีย หรือร่างกายอ่อนแอมากไม่ควรรับประทาน ถ้ารับประทานแล้วมีอาการเวียนหัว ใจสั่น ให้หยุดทันที คนที่ม้ามเย็นพร่อง มีอาการท้องอืดแน่นเป็นประจําไม่ควรรับประทาน และหลีกเลี่ยงการรับประทานในหญิงที่ให้นมบุตร หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ เพราะมีการศึกษาพบว่าการรับประทานต่อเนื่องติดต่อกันนานๆ พบว่าอาจยับยั้งการตั้งครรภ์ได้

3. น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มี GABA (Gamma-aminobutyric acid) เป็นสารสื่อประสาท พบในระบบประสาทส่วนกลาง คือ สมอง และไขสันหลัง มีฤทธิ์ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย คลายกังวล และทำให้หลับสบาย นอกจากนี้ยังมีสาร N-Acetyl serotonin เป็นสารที่พบตามธรรมชาติของน้ำมันรำข้าว เป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารเมลาโทนิน มีหน้าที่ควบคุมวงจรการนอนของคน และยังมีฤทธิ์คลายความเครียด คลายกังวล ต้านซึมเศร้า ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องสมอง และปกป้องเซลล์รับแสงจากจอประสาทตา ขนาดการรับประทาน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันรำข้าว-จมูกข้าว ชนิดแคปซูล ทาน 1 แคปซูลหลังอาหาร เช้า เย็น ในหญิงตั้งครรภ์ให้นมบุตร ไม่ควรรับประทาน

4. ฟักทอง มีการศึกษา สังเกตพฤติกรรมถูกบังคับให้ว่ายน้ำในหนูทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะซึมเศร้า ซึ่งจะมีพฤติกรรมลอยตัวนิ่งเสมือนว่าอยากตาย แต่การให้ฟักทองอบและสารเบต้าแคโรทีน มีผลทำให้ระยะเวลาลอยตัวนิ่งลดลง และยังมีผลเพิ่มระดับเซโรโทนิน (serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine: NE) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งจะลดลงเนื่องจากภาวะซึมเศร้าให้กลับสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ ทั้งฟักทองและเบต้าแคโรทีน ยังช่วยลดสารก่อการอักเสบในสมองได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมการศึกษาดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของฟักทองและเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารสำคัญในฟักทอง ในการช่วยรักษาภาวะซึมเศร้า ฟักทองจึงเป็นอาหารเป็นยา ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการซึมเศร้า ขนาดการรับประทาน แนะนำทานเป็นผัก หรือประกอบในมื้ออาหาร.

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...