“ก.พลังงาน” ติดตามกรณีท่อน้ำมันในทะเลรั่วที่ระยองอย่างใกล้ชิดไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมัน กระทรวงพลังงานแจงกรณีเหตุท่อน้ำมันดิบใต้ทะเล ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) มีการรั่วไหลในช่วงดึกคืนวันที่ 25 มกราคม 2565 บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง ระยอง ซึ่งหลังเกิดเหตุ บริษัทฯ ได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์ทันที และดำเนินการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน
นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ว่า กระทรวงพลังงานกำลังติดตามสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อปริมาณน้ำมันในประเทศ เนื่องจากไทยมีสำรองน้ำมันเพียงพอสำหรับความต้องการใช้ทั้งประเทศ และการรั่วไหลดังกล่าวถือว่าเป็นปริมาณไม่มากเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันสำรองที่มีอยู่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามทางกรมธุรกิจพลังงานมีหน้าที่ดูแลเรื่องการขนส่งน้ำมันทางบกเป็นหลัก ขณะที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะดูแลบริษัทที่ได้รับสัมปทานขุดเจาะและสำรวจปิโตรเลียม ซึ่งกรณีน้ำมันของบริษัท SPRC รั่วไหลครั้งนี้ อาจไม่เกี่ยวเนื่องกับกระทรวงพลังงานโดยตรง แต่กรมธุรกิจพลังงาน และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กำลังติดตามสถานการณ์อยู่ และเตรียมความพร้อมเรื่องอุปกรณ์การช่วยเหลือหากเอกชนร้องขอเข้ามา
นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การรั่วไหลของน้ำมันดิบจากท่อใต้ทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 25 มกราคม 2565 ณ บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการใช้น้ำยาและอุปกรณ์เพื่อขจัดคราบน้ำมันอย่างเร่งด่วน รวมทั้งได้เร่งประสานหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมสิ่งแวดล้อม (EMCC), ศูนย์บัญชาการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินและกระจายข่าว, ชุมชนกลุ่มประมงใกล้เคียง, ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในการช่วยกันดำเนินการเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด
“จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กระทรวงพลังงาน ได้ตรวจสอบกับบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทได้ชี้แจงว่ามีปริมาณน้ำมันดิบในทะเล 20,000 ลิตร ซึ่งกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน ติดตามสถานการณ์และตรวจสอบปริมาณน้ำมันสำรอง พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อการจัดหาน้ำมันเพื่อรองรับการใช้ของประเทศอย่างแน่นอน รวมถึงมอบหมายให้พลังงานจังหวัดระยองติดตามสถานการณ์และประสานงานในพื้นที่ ซึ่งในภาพรวมประเทศไทยมีกำลังการกลั่นน้ำมันประมาณ 1.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในส่วนของโรงกลั่น SPRC มีกำลังการกลั่นประมาณ 175,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งการผลิตของโรงกลั่น SPRC ยังสามารถดำเนินการได้ และหากมีกรณีที่มีเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ ก็สามารถเพิ่มการผลิตของโรงกลั่นที่ไม่ได้รับผลกระทบ หรือ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเข้ามาได้ โดยปริมาณน้ำมันดิบสำรองของประเทศสามารถใช้ได้ประมาณ 28 วัน ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป” โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าว