นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศ และนายธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย ถึงการเพิ่มทางเลือกฟอกไตด้วยเครื่องโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า จากการลงพื้นที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด พบผู้ป่วยโรคไตที่ได้รับความเดือดร้อนจากการฟอกไตด้วยเครื่อง ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครั้งละ 1,500 บาท บางรายต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทำให้เป็นภาระครอบครัวอาจต้องกู้เงินมารักษา จึงหารือกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการ สปสช. ร่วมกันดูแลผู้ป่วยให้ครอบคลุมการรักษาทั้งหมด ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ป่วย
“จากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งทำความเข้าใจกับแพทย์เรื่อง 30 บาทรักษาได้ทุกโรค ซึ่งโรคไตคนไทยป่วยกันมาก ส่วน สปสช. จะเตรียมงบประมาณมาดูแล โดยการเปลี่ยนมาฟอกไตด้วยเครื่องขึ้นกับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และความเหมาะสมกับการใช้ชีวิตของผู้ป่วย สามารถเข้ารับบริการได้ในสถานพยาบาลทุกแห่งที่มีหน่วยบริการล้างไต” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า แม้จะเพิ่มทางเลือกในการฟอกไตด้วยเครื่องโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการรณรงค์ให้คนรักษาสุขภาพ ห่างไกลจากโรคไตเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ต้องมีวิธีดำเนินชีวิต การปฏิบัติตน หรือการบริโภคที่ไม่ทำให้เกิดโรค และต้องช่วยกันผลักดันค่านิยมการบริจาคอวัยวะซึ่งจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้จำนวนมาก เช่น การเปลี่ยนไต จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตดียิ่งขึ้น เมื่อคนมีสุขภาพแข็งแรง ก็จะช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศชาติและเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นด้วย