กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) และเทศบาลตำบลปากน้ำประแส ได้ประกาศความร่วมมือเพิ่มเติมกับ 4 องค์กรชั้นนำด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) หรือ FEED มูลนิธิโลกสีเขียว ศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า (RECOFTC) และบริษัท SecondLife ยกระดับการดำเนินโครงการ “ดาวและภาคีป่าชายเลนประเทศไทย” หรือ Dow & Thailand Mangrove Alliance สู่โมเดลต้นแบบการอนุรักษ์ป่าชายเลนแบบมีส่วนร่วมทุกมิติ หนุนเยาวชนเรียนรู้เรื่องป่าชายเลน ชูแอปพลิเคชั่น iNaturalist ดึงทุกภาคส่วนร่วมลดภาวะโลกร้อนและลดขยะทะเลแบบยั่งยืน
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ไม่ใช่บทบาทของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่ต้องสร้างเครือข่ายร่วมกันฟื้นฟูและแก้ปัญหา เพื่อให้การอนุรักษ์ป่าชายเลนประสบความสำเร็จและยั่งยืน ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการพัฒนาระบบบริหารจัดการป่าชายเลนแบบมีส่วนร่วมขององค์กรภาครัฐ เอกชนและชุมชน ครั้งสำคัญของไทย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายให้ไทยบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-zero GHG emission) ภายในปี พ.ศ. 2608
นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า Dow รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ 4 องค์กรชั้นนำได้เข้ามาร่วมกันยกระดับโครงการฯ โดยนำความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ของแต่ละองค์กรเข้ามาพัฒนาการอนุรักษ์ป่าชายเลนอย่างมีส่วนร่วมให้ครบถ้วนในทุกมิติเพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยลดโลกร้อนและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในทะเลได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าการทำงานด้านความยั่งยืนของ Dow ที่มุ่งมั่นจะต้านโลกร้อน และลดขยะพลาสติก
ด้านดร.ดินโด แคมปิลัน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย และผู้อำนวยการศูนย์กลางภูมิภาคเอเชียและโอเชียนเนีย องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติกล่าวว่า ภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ป่าชายเลนแม้มีพื้นที่ไม่เยอะเมื่อเทียบกับพื้นที่ป่าประเภทอื่น แต่สำหรับบทบาทของระบบนิเวศชายฝั่งแล้ว ป่าชายเลนช่วยกักเก็บคาร์บอนได้มากถึง 14% ของสัดส่วนการกักเก็บคาร์บอนในทะเลของโลก (Global ocean)
ดร.ฉวีวรรณ หุตะเจริญ ประธานมูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) กล่าวว่า พื้นที่ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนเป็นเหมือนพื้นที่ปลูกป่าในใจของเด็กและเยาวชนที่ได้มีโอกาสเข้ามามาสัมผัสตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงตรัสไว้ว่า ‘การปลูกป่าต้องปลูกที่หัวใจไม่ใช่เพียงปลูกลงบนพื้นดิน’ ซึ่ง FEED จะประเมินศักยภาพในพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เพื่อเป็นศูนย์การศึกษาเส้นทางธรรมชาติและออกแบบกิจกรรมร่วมกับชุมชนและท้องถิ่น นำนักท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ เป็นการต่อยอดโครงการฯ ให้สมบูรณ์ขึ้น
ขณะที่ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ ประธานมูลนิธิโลกสีเขียว กล่าวว่า โครงการนักสืบป่าชายเลนจะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เป็นเรื่องน่าสนุกและน่าค้นหา โดยในปี พ.ศ.2565 มีเป้าหมายจัดค่ายนักสืบป่าชายเลนให้กับเยาวชนจำนวนสองครั้ง เพื่อสร้าง Generation Restoration ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนในการสนับสนุนเป้าหมายขององค์การสหประชาติ ทศวรรษแห่งการฟื้นฟูระบบนิเวศ (UN Decade for Ecosystem Restoration)
ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมพื้นที่นำร่องของโครงการฯ ได้ทุกวัน ณ ห้องเรียนธรรมชาติ ป่าชายเลนปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โดยนอกจากพื้นที่นำร่องแล้ว โครงการฯ ยังมีแผนในการขยายความร่วมมือไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด และอีกหลายจังหวัดในระยะเวลา 5 ปี