ความคืบหน้า การพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ของกระทรวงพาณิชย์ ในปี 2560 จะ ให้ความสำคัญ กับการสร้างความเข้มแข็งจากภายในก่อนที่จะส่งออกไปต่างประเทศ เกษตรกรต้องเห็นความสำคัญของการตรวจรับรองมาตรฐาน โดยเฉพาะมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค นอกจากนี้ กระทรวงฯจะผลักดัน การแปรรูปผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยจะร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตในอาเซียน โดยเฉพาะ CLMVเพื่อให้เกิดการซื้อ-ขาย–ลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้นเพราะหลายๆประเทศก็เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ค้าสินค้าอินทรีย์
· โดยในปี 2560 กระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ไทยหลายโครงการ อาทิ
- โครงการพัฒนาฐานข้อมูลเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ต่อยอดทางธุรกิจได้
- การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น การจัดตลาดนัดสีเขียว เพื่อให้เกษตรกรนำสินค้าอินทรีย์มาจำหน่วยให้กับผู้บริโภคในชุมชนโดยตรง
- การจัดงาน Organic & Natural Expo 2017 ระหว่างวันที่ 27-30 กค.60 ซึ่งในปีที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าสูงถึง 26 ล้านบาท
- การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ เช่น การสร้างเครือข่ายเยาวชนอินทรีย์ และโครงการ World Wide Opportunities On Organic Farm For CLMVT เพื่อสนับสนุนแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้มีการลงภาคสนามฝึกปฏิบัติจริง ระหว่างเกษตรกรในประเทศกลุ่ม CLMVT กับ Organic Farm ที่ได้มาตรฐานในประเทศไทย
· โดยโครงการต่างๆ เหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ไทยก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลาง หรือ ฮับ ของการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวงฯ ก็ได้มอบหมายให้พาณิชย์ภาค (MINI Moc)ในพื้นที่ ในการเร่งขับเคลื่อนนโยบายด้านเกษตรอินทรีย์ของกระทรวงฯ ไปสู่การปฏิบัติแล้ว
· ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ กลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ชัยภูมิ โคราช พัฒนาช่องทางการจำหน่ายผ่าน on line ประสบผลสำเร็จสามารถซื้อ-ขายได้จริงกว่า 770 คำสั่งซื้อ ในช่วง 3 เดือนทำมูลค่าได้กว่า 1 MB
นอกจากนี้แล้ว ยังสนับสนุนให้มี การพัฒนาตลาดกลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก ผู้บริหารตลาดอุดรเมืองทอง ซึ่งเป็นตลาดกลางผักและผลไม้ ที่มีขนาดใหญ่ของจังหวัดอุดรธานี ที่มีแนวทางการพัฒนาพื้นที่ 50 ไร่ โดยอยู่ในบริเวณเดียวกันกับตลาดอุดรเมืองทอง ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ทำเกษตรอินทรีย์ให้มีช่องทางการจำหน่ายที่ชัดเจน และสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าการขายพืชผักปกติถึง 20-30 % โดยมีโรงแรม และร้านอาหารเพื่อสุขภาพเป็นตลาดหลัก สามารถขายไปต่างประเทศได้ด้วย ซึ่งคาดว่าตลาดกลางสินค้าเกษตรอินทรีย์อุดรเมืองทองแห่งใหม่นี้ จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2561 ตลาดดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ อุดรธานีเป็นฮับเกษตรอินทรีย์ของภาคอีสาน
ในปัจจุบันจังหวัดอุดรธานีมีการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ในหลายพื้นที่ของจังหวัด เช่น ต.หนองโฮ อ.เมือง และ อ.หนองวังซอ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกพืชอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรที่มูลนิธิปิดทองหลังพระให้การสนับสนุน
สำหรับตลาดอุดรเมืองทองเป็นตลาดกลางผักและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ติดกับถนนสายหลักของจังหวัด อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับโมเดิร์นเทรดที่สำคัญของจังหวัดอีก 2 แห่ง มีพื้นที่กว่า 40 ไร่ มีผู้ค้าส่งกว่า 900 แผง มีห้องเย็นเก็บผักผลไม้ของผู้ประกอบการ จำนวน 10 หลัง และมีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการประมาณ 5,000 – 6,000 คน/วัน ซึ่งตลาดเองได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพของพืชผักผลไม้ที่นำมาขายเป็นอย่างมาก โดยได้มีการให้บริการเครื่องตรวจสอบสารตกค้างในผักผลไม้ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจถึงคุณภาพของผลิตผลทางการเกษตรที่มาขายในตลาดว่ามีความปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
· ในปี 2559 ไทยมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ ประมาณ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นการส่งออกประมาณ 60% ในจำนวนสินค้าที่ส่งออกเป็นข้าวอินทรีย์ ประมาณ 25-30 % สำหรับในปี 2560 คาดว่าจะสามารถเพิ่มรายการสินค้าแปรรูปอินทรีย์ให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ช่วยให้การส่งออกขยายตัวได้กว่า 10%