หน.เขตฯสลักพระแจง รั้วกึ่งถาวรมูลค่าเกือบ 20 ล้าน ที่ช้างป่าดันล้ม กรมอุทยานฯยังไม่อนุมัติรูปแบบฐานแผ่ และยังไม่รับมอบงาน แต่บริษัทเอกชนขอทำไปก่อนพร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
จากกรณีบริษัทเอกชนได้รับงานประมูลในการสร้างรั้วกึ่งถาวรเพื่อป้องกันช้างป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ออกนอกพื้นที่มากินและทำลายพืชผลทางเกษตรของประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ โดยรั้งดังกล่าวก่อสร้างในระยะทาง 13 กิโลเมตร งบประมาณเกือบ 20 ล้านบาท แต่ถูกช้างป่าดันล้มเสียหายจำนวนหลายต้น ลวดสลิงขากหลายจุด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ 4 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องของการสร้างรั้วกันช้างกึ่งถาวร เป็นการสร้างเพื่อป้องกันช้างออกนอกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งการเสนอแผนในการจัดการแนวป้องกันมีอยู่ในหลายแนวทาง แล้วแต่สภาพของพื้นที่
แต่ในส่วนที่มีปัญหาตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่าช้างป่าดันเสารั้วล้มนั้น อยู่ในส่วนการก่อสร้างตั้งแต่บริเวณด้านหลัง อบต.วังด้ง ต.วังด้งไปจนถึงด้านหลังโรงเรียนช่องสะเดา ต.ช่องสะเดา รวมระยะทาง 13 กิโลเมตร
โดยเราได้เสนอไปยังกรมอุทยานฯขอให้มีการทำรั้วกันช้างป่าแบบกึ่งถาวร ซึ่งเราได้เสนอไปตั้งแต่ประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อต้นปี 2564 จากนั้นได้มีบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการโดยเริ่มตั้งแต่ประมาณกลางปี 2564 ในลักษณะการขุดเจาะฝังเสารั้วลงไปในดินที่ความลึก 2 เมตร โดยใช้ตระแกรงเหล็กทำเป็นรั้วบางส่วนใช้ลวดสลิง ซึ่งงบประมาณอยู่ที่ 19 ล้านบาทเศษ
แต่อย่างไรก็ตามต้องเรียนสื่อมวลชนว่าทุกอย่างที่ทางบริษัทเข้ามาดำเนินการสร้างรั้วกึ่งถาวรอยู่ในช่วงระหว่างการควบคุมงานและการปรับเปลี่ยนรูปแบบของงาน เนื่องจากเมื่อดูประสิทธิภาพของรั้วพบบางจุดอาจจะมีปัญหาของเรื่องการป้องกันช้าง และเรายังไม่มีการเซ็นต์รับมอบงานใดๆทั้งสิ้น เพราะอยู่ในขั้นตอนการประชุมชี้แจง ซึ่งผู้ที่ชี้แจงคือทางบริษัท จากนั้นจึงสรุปเนื้องานส่งไปยังผู้บริหารระดับสูงของกรมอุทยานฯว่าแนวทางมันเป็นอย่างไร
สำหรับแบบในการสร้างรั้วกึ่งถาวรบริเวณนี้คือจะต้องขุดเจาะฝังฐานลงไปในดินที่ความลึก 2 เมตร และต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ แต่พื้นที่ของเราบางส่วนนั้นมันเป็นลานหินกว้างยาวประมาณ 7-8 กิโลเมตร ทำให้ไม่สามารถขุดเจาะได้ เมื่อขุดไม่ได้ทางบริษัท จึงแจ้งเพื่อขอปรับเปลี่ยนรูปแบบในลักษณะเป็นฐานแผ่
ซึ่งฐานแผ่ตามที่สื่อไปนำเสนอข่าวว่าช้างป่าดันล้มหลายต้นนั้น บริเวณนี้เราก็ยังไม่ได้มีการเซ็นต์รับมอบงานเช่นกัน เนื่องจากทางบริษัทได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งระหว่างนั้นกรมอุทยานฯอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติเรื่องฐานแผ่อยู่
โดยทางบริษัทได้ประชุมชี้แจงกับทีมงานผู้ตรวจรับงานและบอกว่าทางบริษัทขอทำไปก่อนเนื่องจากบริษัทเกรงว่าจะไม่แล้วเสร็จตามวันสัญญาว่าจ้าง และหากทางบริษัทสร้างแล้วเสร็จแต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากกรมอุทานฯ ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ถึงตรงนี้แล้วตนขอยืนยันว่าทางกรมอุทยานฯยังไม่ได้อนุมัติให้บริษัทดำเนินการในรูปแบบฐานแผ่แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันบริษัทเอกชนที่ได้รับให้ดำเนินการสร้างรั้วกันช้างกึ่งถาวรนั้นเขามีวิศวกร โดยวิศวกรได้แจ้งในที่ประชุมว่าการสร้างรั้วในรูปแบบฐานแผ่นั้นมันมีประสิทธิภาพ แต่ตนก็ไม่มั่นใจในคำชี้แจง เพราะต้นไม้ขนาดใหญ่ช้างป่ายังสามารถดันล้มได้ และสุดรั้วรูปแบบฐานแผ่ที่ทางบริษัทขอดำเนินการไปก่อนนั้น ก็มาถูกช้างป่าดันล้มให้เห็นจนได้ ดังนั้นรั้วจึงยังไม่มีประสิทธิภาพตามที่ทางวิศวกรของบริษัทแจ้งยืนยันมา
ทีมข่าวกาญจนบุรี