พาณิชย์”เดินหน้า “แม่สอดโมเดล” จัดงานมหกรรมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา พร้อมเชิญรัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการคลังของเมียนมาจับเข่าคุย แก้ปัญหาและอุปสรรคทางการค้าที่มีอยู่ เพื่อผลักดันการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เผยเตรียมจัดงานกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ ทั้งงานอัญมณี 2 ชาติ และงานธงฟ้าลดค่าครองชีพ มั่นใจได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน จัดงานมหกรรมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ภายใต้แนวคิดแม่สอด-เมียวดี โมเดลStronger Together ระหว่างวันที่ 21-28 มีนาคม 2560 ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อผลักดันและขยายการค้า การลงทุนระหว่างไทย-เมียนมาให้มีการขยายตัวได้เพิ่มขึ้น โดยด่านแม่สอด ถือว่ามีความสำคัญ เพราะเป็นด่านที่สามารถเชื่อมเข้าไปยังเมืองต่างๆ ของเมียนมาได้ และมูลค่าการค้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
โดยในการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการคลังเมียนมาเดินทางมาร่วมหารือเพื่อวางเป้าหมายการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนร่วมกัน โดยมุ่งหวังให้แม่สอด-เมียวดี เป็นศูนย์กลางความร่วมมือในหลายๆ ด้าน เช่น ศูนย์กลางด้านอัญมณี ศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว Two Countries One Destination ศูนย์กลางด้านการบริการทางการแพทย์ และศูนย์กลางทางด้านการพัฒนาด้านการขนส่ง พร้อมทั้งสนับสนุนการดำเนินการด้านพิธีการศุลกากรตรวจแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Stop Inspection: SSI) ณ ด่านชายแดนแม่สอด-เมียวดี
ขณะเดียวกัน ได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ครั้งที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนของภาครัฐและเอกชนของทั้งสองประเทศทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ได้มีโอกาสพบปะหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการขยายโอกาสการค้าการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ โดยมีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศของทั้งสองประเทศเป็นประธานการประชุมร่วมกัน และในส่วนของภาคเอกชน สภาธุรกิจไทย-เมียนมา จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ เพื่อพิจารณาแนวทางในการส่งเสริมการค้าและขจัดอุปสรรคทางการค้า และรายงานให้รัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ ได้รับทราบในช่วงระหว่างการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนต่อไป
นางอภิรดีกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ กระทรวงฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมพิเศษเพื่อสร้างความคึกคักในด้านเศรษฐกิจ เช่น การจัดงานแสดงอัญมณี 2 ชาติ การลงนามความร่วมมือด้านอัญมณีและเครื่องประดับการตรวจสอบและรับรองอัญมณีและเครื่องประดับโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับให้กับประชาชนที่มาร่วมงานการสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทย-เมียนมา และยังมีการจัดการฝึกอบรม “การสร้างเครือข่ายการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี” การอบรมการออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form D) การพัฒนาบุคลากรด้านบัญชี และการอบรมด้านอัญมณีให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ๆ สนใจ
ส่วนในด้านการลดค่าครองชีพ กระทรวงฯ ได้จัดงานมหกรรมธงฟ้าขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษตาก โดยจะจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาย่อมเยา และยังมีสินค้าแฟรนไชส์ สินค้าส่งออก ทั้งจากฝั่งไทยและฝั่งเมียนมา จำนวนกว่า 300 คูหา มาจัดจำหน่าย โดยคาดว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะได้รับความสนใจ จากผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา เข้ามาเลือกซื้อสินค้ากันอย่างคับคั่ง
สำหรับจังหวัดตาก เป็นเมืองชายแดนไทย-เมียนมา ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ ผ่านมา จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นที่ตั้งของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำเภอแม่สอด ถือได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของไทยในการเชื่อมโยงระหว่างไทย-เมียนมา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การทุน และโลจิสติกส์ เนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ที่เชื่อมระหว่างเวียดนาม-ไทย-เมียนมา ซึ่งในปัจจุบันถือได้ว่า เป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งที่สำคัญ นอกจากนั้นแล้วอำเภอแม่สอดยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างไทย-เมียนมา เช่น สนามบินแม่สอด และสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 1 และแห่งที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการได้ในปี 2561 อีกทั้งในปัจจุบันรัฐบาลไทยยังได้ให้การสนับสนุนการปรับปรุงเส้นทางระหว่างเมืองเอ็นดุ-ท่าตอน ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งสินค้าจากอำเภอแม่สอดไปยังเมืองเมาะลำไย และกรุงย่างกุ้งของเมียนมาเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ในปี 2560 กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ทุกประเทศไว้ที่ 1.8 ล้านล้านบาท ขณะที่การค้าชายแดนไทย-เมียนมา ในปี 2559 ที่ผ่านมา มีมูลค่า 187,964.53 ล้านบาท เป็นการส่งออกมูลค่า 109,339.84 ล้านบาท โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ เช่น เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอส์ น้ำตาลทราย และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอส์ เป็นต้น ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า78,624.69 ล้านบาท โดยมีสินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น ก๊าซธรรมชาติ สัตว์น้ำ และโค กระบือ สุกร เป็นต้น โดยมีด่านแม่สอดเป็นประตูการค้าที่สำคัญ และในปีที่ผ่านมีมูลค่าการค้าสูงถึง 80,696.12 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16.84 จากปี 2558