ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ อาจทำให้หลายคนเข้าใจได้ว่า ราคาน้ำมันดีเซลจะลดลงทันทีในอัตรา 3 บาทต่อลิตร โดยขณะนี้กระทรวงการคลังเตรียมออกเป็นกฎกระทรวงประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะประกาศได้วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 และมีผลบังคับให้ลดภาษีได้ตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ 2565เป็นต้นไป
แต่จากนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้ พบว่า ราคาดีเซลจะลดลง 3 บาท แต่เบื้องต้นคาดว่าจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ลดราคาน้ำมัน 2 บาท และอีก 1 บาท ช่วยพยุงกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบันติดลบประมาณ 18,000 ล้านบาท
ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาวาระลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร 3 เดือน “นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ “ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวต่อครม. ว่า รัฐบาลจะไม่ดำเนินการเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ที่ตรึงราคาน้ำมันไว้ที่ราคา 29.90 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 8 เดือน โดยเราจะตรึงราคาน้ำมันไว้ถึงแค่ 3 เดือน คือถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น ทั้งนี้การลดภาษีสรรพสามิตร ไม่ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 3 บาท เพราะต้องกันส่วนหนึ่งไปใช้หนี้กองทุนน้ำมันที่ติดลบมานานแล้ว อย่างไรก็ตามยืนยันว่า มาตราการนี้ ยังทำให้ราคาน้ำมันดีเซลต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน ว่า เราเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และคลี่คลายในเร็ววัน ส่งผลดีต่อราคาน้ำมัน นอกจากนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ยังระบุว่า ราคาน้ำมันของไทยถูกเป็นอันดับ 6 ของอาเซียน และอัตราเงินเฟ้อของไทยยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แสดงความเห็นต่างกรณีความขัดแย้งรัสเซีย และยูเครน ว่า สถานการณ์น่าจะยังไม่ดีขึ้น และควรมีแผนสำรองด้วยว่าจะทำอะไรอย่างไร
ด้านกระทรวงพลังงาน ออกมาระบุเช่นกันว่า การลดภาษี 3 บาทต่อลิตร จะมีส่วนหนึ่งนำมาลดภาระค่าน้ำมันให้กับประชาชนในทันที และอีกส่วนหนึ่งจะนำมาเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร