แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแนวทางการบริหารราคาบริหารราคาน้ำมันดีเซลเพื่อช่วยเหลือประชาชน หลังปรับลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ ในหลักการจะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ให้ได้ถึง 31 พฤษภาคม 2565 ส่วนจะสามารถนำมาลดราคาขายปลีกหน้าปั๊มได้แค่ไหน ยังต้องพิจารณากันหลายปัจจัย เนื่องจากสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบต่อเนื่อง จนใกล้แตะ2 หมื่นล้านบาท ซึ่งการลดภาษีก็เพื่อใช้เป็นเครื่องมือชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันในอนาคตควบคู่ไปกับการใช้เงินกองทุนนำมันฯเท่านั้น ไม่ใช่ลดราคาขายปลีกทันที เนื่องจากขณะนี้กองทุนน้ำมันฯต้องใช้เงินในการดูแลทั้งก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ที่ตรึงราคาไว้ถังละ 318 บาทต่อถัง(15ก.ก.) และอุดหนุนราคาดีเซล 3.79 บาทต่อลิตร รวมเป็นเงินเดือนลดะ7,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามราคาน้ำมันโลก แม้ล่าสุดสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับลดลง 3.6%มาอยู่ที่ 92.07 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังรัสเซียถอนกำลังทหารบางส่วนที่ติดกับยูเครนก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่อง
ขณะที่เงินกู้ของกองทุนน้ำมันฯเพื่อเสริมสภาพคล่อง 20,000 ล้านบาท ยังไม่สามารถดำเนินการได้ โดยได้ขยายเวลาให้สถาบันการเงินเสนอแพจเกจวงเงินกู้ได้ถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้
สำหรับการดูแลผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เดิมมีการเสนอให้ช่วยเหลือกลุ่มมอเตอร์ไซค์ ที่มีอยู่ 21 ล้านคัน ในรูปแบบของบัตรส่วนลดน้ำมัน แต่ก็ไม่ได้มีการนำมาพิจารณาในครม.เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องบประมาณ
“บอร์ดกองทุนน้ำมันฯจะต้องพิจารณาตามข้อเสนอแนะในครม.ที่ต้องการให้ลดราคาขายปลีกดีเซลส่วนหนึ่ง จากการปรับลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งไม่น่าจะเกิน 1-2 บาทต่อลิตร เว้นแต่ว่ากระทรวพลังงานมองระยะยาว เลือกดูแลราคาไม่เกิน30 บาท ได้ถึงเดือน พ.ค. น่าจะช่วยประคับประคองการใช้จ่ายของกองทุนน้ำมันฯได้ดีกว่า”