นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2565) สำนักงาน กสทช. ได้จัดให้มีการสาธิตการประมูลคลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการบริการทางธุรกิจ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจขั้นตอนการประมูลให้แก่ผู้เข้าร่วมประมูล ก่อนการประมูลจริงในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00 เป็นต้นไป ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
ทั้งนี้จะเปิดประมูลทั้งหมด 74 คลื่นความถี่มีผู้ประสงค์เข้าร่วมประมูล จำนวน 71 คลื่นความถี่ แบ่งเป็นความถี่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 8 คลื่นความถี่ ภาคเหนือ จำนวน 16 คลื่นความถี่ ภาคกลาง จำนวน 6 คลื่นความถี่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 21 คลื่นความถี่ และภาคใต้ จำนวน 20 คลื่นความถี่มีผู้แสดงความจำนงเข้าประมูลและวางหลักประกันแล้ว 71 คลื่นความถี่ (มีคลื่นที่ไม่มีผู้สนใจประมูล 1 คลื่น ไม่วางหลักประกัน 2 คลื่น ) โดยคาดจะมีเม็ดเงินเกิดจากการประมูลประมาณ 500 ล้านบาท
สำหรับขั้นตอนการประมูล มีกำหนดระยะเวลาการประมูล 60 นาทีต่อคลื่นความถี่ โดยผู้เข้าร่วมการประมูลจะต้องเสนอราคาแรกภายใน 5 นาทีแรกของการประมูล หากไม่เสนอจะถือว่าไม่ประสงค์ในการเข้าประมูล จะถูกตัดสิทธิ์และริบหลักประกัน หากมีผู้เข้าร่วมประมูลเสนอราคาเท่ากัน จะขยายเวลาการประมูลออกไปอีกครั้งละ 5 นาที หากไม่มีการเสนอราคาเพิ่ม จะให้ผู้เข้าร่วมประมูลที่เสนอราคาเท่ากัน จับสลากเพื่อหาผู้มีสิทธิ์เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด หลังจากนั้น จะมีการประชุม กสทช. เพื่อรับรองผลการประมูล
อย่างไรก็ตามการประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลนั้น ผู้ชนะจะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เท่ากับราคาที่ชนะการประมูลรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใน 30 วัน หากไม่ชำระให้ครบถ้วนตามเวลาที่กำหนดจะถูกริบหลักประกันและห้ามเข้าร่วมการประมูล 2 ปี พร้อมทั้งชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่ต้องจัดประมูลใหม่ หลังจากนั้น ผู้ชนะการประมูลจะต้องแจ้งข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับบริการด้านกระจายเสียง เช่น ข้อมูลเสา ระบบสาย หรืออุปกรณ์ที่ใช้ เป็นต้น เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการและคำขอรับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการเป็นผู้ชนะการประมูล