ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 65 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7(สส.) พล.ต.ต.วิสิทธิ์ ศิริสหวัฒน์ ผบก.ศพฐ.7 พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ เฉลียวศิลป์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ธนากร สุวรรณศร
รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี
พ.ต.อ.สมพร พุกหอม รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.นิวัติ มาตะราช รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี
พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ศุภชัย ไตรสมบูรณ์
นวท.(สบ.5) ศพฐ.7 ว่าที่ ร.ต.ธราธร แข็งขัน นอภ.เดิมบางนางบวช
พ.ต.อ.นิกร ด้วงฉุน ผกก.สภ.เดิมบางนางบวช
และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ ร่วมกันซ่อนเร้น หรือย้าย ทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตายฯ" โดยมีผู้ต้องหาดังนี้
ผู้ต้องหาที่ 1 น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจ.สุพรรณบุรี ที่ 1/2565 ลงวันที่ 16 ก.พ. 65
ผู้ต้องหาที่ 2 นายปฏิพล จันทรมณฑล อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.สุพรรณบุรี ที่จ.23/2565 ลงวันที่ 16 ก.พ. 65
พร้อมของกลาง (1.) รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออิซูซุ สีบอรนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ-7058 ตาก (2.) กระเป๋าผ้าสีแดงแบบมีซิบรูดปิด-เปิด จำนวน 1 ใบ (ของผู้ตายตรวจพบในกระเป๋า น.ส.เอ) (3.) ถังขยะพลาสติกสีน้ำเงิน (ที่ใช้ใส่ศพแล้วนำมาทิ้ง)
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวเปิดเผยว่า สำหรับพฤติการณ์แห่งคดี สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 13 ก.พ 65 เวลา 23.00 น. ตร.สภ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีพบถังขยะพลาสติกสีน้ำเงินต้องสงสัย มีกลิ่นเน่าเหม็น ที่บริเวณชายเขาชะโอย จึงได้แจ้งแพทย์เวรและพิสูจน์หลักฐาน จ.สุพรรณบุรี ร่วมตรวจสอบ เบื้องต้นพบศพหญิงไม่ทราบชื่อ อยู่ภายในถัง โดยมีดิน ถุงดิน และถุงปุ๋ย ปกปิดอยู่ในถังเดียวกับศพ ภายหลังตรวจสอบอัตตลักษณ์บุคคล จนกระทั่งทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางสมศรี ม่ามกระโทก อายุ 62 ปี จากนั้นจึงทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเกี่ยวกับคดี
ต่อมา นายดำรงค์ ม่ามกระโทก สามีของผู้เสียชีวิต แจ้งว่าศพที่พบนั้นเป็นภรรยาของตนเอง พร้อมให้การว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ 65 ผู้ตายได้เดินทางไปอยู่กับ น.ส.เอ (ผู้ต้องหาที่ 1) ซึ่งเป็นหลานสาว ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา และหลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกับผู้ตายอีกเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พานายดำรงค์ ฯ สามีผู้ตายไปที่ห้องเช่าของ น.ส.เอ (ผู้ต้องหาที่ 1) เมื่อไปถึงก็ไม่พบผู้ใด จึงได้สอบถามผู้เช่าห้องข้างเคียง จนได้ข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 13 ก.พ 65 น.ส.เอ (ผู้ต้องหาที่ 1) มาเคาะห้องบอกว่าผู้ตายไม่สบายได้ล้มลง สอบถามจากคนขับรถ จยย.รับจ้างบริเวณห้องเช่า ก็ยังพบเห็น น.ส.เอ (ผู้ต้องหาที่ 1) พร้อมกับมีคนขับขี่รถ จบย.มารับไป โดย น.ส.เอ (ผู้ต้องหาที่ 1) ถือสัมภาระจำนวนมาก ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชื่อว่า น.ส.เอ (ผู้ต้องหาที่ 1) รู้เห็นหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด อย่างแน่นอน
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า น.ส.เอ (ผู้ต้องหาที่ 1) และ นายปฏิพล จันทรมณฑล (ผู้ต้องหาที่ 2) ได้ร่วมกันนำศพผู้ตาย ใส่ไว้ในรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ-7058 ตาก (ของกลาง) โดยเมื่อวันที่ 11 ก.พ 65 ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าว ออกจากสถานบริการน้ำมันใน จ.นครราชสีมา เดินทางมาเช่าห้องพักในเขต อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี จากนั้นได้ขับรถออกจากห้องเช่าดังกล่าว ไปซื้อดิน และนำถังขยะพลาสติกสีน้ำเงินซึ่งอยู่ริมถนนมาไว้บนท้ายกระบะรถ จากนั้นได้ร่วมกันนำศพผู้ตายใส่ในถังขยะพลาสติก และนำดินใส่ถังขยะพลาสติกทับศพอีกทีเพื่อปกปิด จากนั้นขับรถผ่านจุดที่พบศพผู้ตาย ไปจอดรถรับประทานอาหารใน เขต อ.เดิมบางนางบวช จว.สุพรรณบุรี และขับรถยนต์กลับมาจุดที่ทิ้งศพผู้ตาย โดยการนำถังขยะพลาสติกสีน้ำเงิน ซึ่งใส่ศพผู้ตายไปทิ้ง ต่อจากนั้นได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไป เมื่อวันที่ 16 ก.พ 65 ต่อมาพนักงานสอบสวน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อศาล ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้ในวันเดียวกัน ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภายหลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ ได้นำตัว นายปฏิพล จันทรมณฑล ผู้ต้องหาที่ 2 ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณที่เกิดเหตุ และในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งนับว่าการปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ ตนจึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นในนามของตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงครอบครัวผู้เสียหาย ว่า"ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย"
พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ยังได้มอบเงินส่วนตัวให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน และขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน