พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ เปิดใจครั้งแรกผ่านวีดีโอคอล ที่มีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ร่วมกันแถลง “กว่าจะเป็นตั๋วช้างภาค 2” ถือเป็นการเปิดใจผ่านการแถลงข่าวครั้งแรกของพล.ต.ต.ปวีณ ในรอบ 6 ปีเศษหลังต้องลี้ภัยออกจากไทยไปเมื่อปี58 หลังมีการยกเรื่อพล.ต.ต.ปวีณ ในการประชุมอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อวันที่ 18ก.พ.65 จากและปมการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา
พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่มีความสุขเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ติดอยู่ในใจ มันเครียด กลัว นับจากที่ออกจากประเทศไทย จากการการปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รัฐบาล รวมทั้งผู้มีอำนาจ
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปวีณ เปรียบเทียบประสบการณ์การลี้ภัยว่า เหมือนผู้ที่หนีภัยสงคราม ต้องมาเรียนภาษาและทำงานหาเลี้ยงชีพเหมือนคนทั่วไป เหมือนชาวซีเรีย เลบานอน คนอีรัก คนพม่า เมื่อเรียนแล้วก็ต้องทำงานหางานเลี้ยงชีพ ไม่รู้ตัวมาก่อนไม่เคยใช้ชีวิตในต่างประเทศ ภาษาก็ไม่ได้ ทรัพย์สินก็ไม่มีอะไร วันนี้จึงเป็นการพิสูจน์หักล้างเรื่องการวางแผนว่าจะมาอยู่ต่างประเทศตามที่ถูกกล่าวหาทั้งหมด
ถึงวันนี้ถือว่าได้รับความเป็นธรรมกลับมาแต่ครึ่งหนึ่งหายไป น่าเสียดายที่วันนั้นถ้าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยมีรัฐบาลที่ตรงไปตรงมามีนายรัฐมนตรี และผู้บริหารทุกระดับที่อยากให้ประเทศไทยใสสะอาด มีความซื่อสัตย์ กล้าหาญ ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างเที่ยงธรรม และสุดทาง
เมื่อน.ส.พรรณิการ์ ถามว่าที่นายรังสิมันต์ อภิปรายในสภา เห็นท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีอะไรอยากฝากถึง รวมทั้งข้าราชการตำรวจหรือไม่มีอะไรจะฝากไปยังรัฐบาล พี่น้องตำรวจหรือไม่ พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวว่า ระยะเวลา 6 ปีที่มีต่อผู้นำประเทศในความรู้สึกคือไม่ความรู้สึกที่จะฝากอะไรไปถึงบุคคลเหล่านี้ แต่สิ่งที่จะฝากเพื่อน ในอาชีพเดียวกันที่อาจต้องพบกับระบบที่เลวร้ายและตอนนี้อาจจะยังเหมือนเดิม หรืออาจเลวร้ายกว่า อยากให้ตระหนักในการหน้าที่ทำเพื่อประเทศชาติ และประชาชนจริงๆ ไม่ใช่ของบุคคลใด คนที่มีอำนาจคนใดคนหนึ่ง และให้ยึดหลักฎหมายที่ตัวเองเคยยึดถือมา
พล.ต.ต.ปวีณ ยืนยันว่าการที่คนโรฮิงญาเข้ามาไม่ใช่คนเดียว เพราะตัวเองกว่าจะเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลีย ยังถูกสอบสวนแบบละเอียด ไม่ว่าจะเป็นใครต้องทำตามกฎหมาของประเทศนั้น ประเทศไทย เมื่อประกาศตัวเป็นประเทศที่มีมาตรฐาน ก็จะต้องทำให้ไม่ด้อยกว่าออสเตรเลีย ใครเข้ามาต้องถูกสกรีน แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย การปล่อยปละละเลยก็ต้องมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนนั่นคือผลประโยชน์ ส่วย พอเงินนี้เข้ามาจำนวนมากๆ ก็ขนคนได้สะดวกทำกันเป็นอุตสาหกรรมขนคนไปขาย ดังนั้น จึงกล้าพูดว่าถ้าสอบสวนไปแน่นอนปลาตัวใหญ่ๆ จะต้องมาอีกเยอะ