พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีหลายองค์กรมีความห่วงใยต่อกรณีเหตุการณ์ที่ เจ้าหน้าที่มีการใช้อาวุธป้องกันตัวเป็นเหตุให้ผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด หรือนักกิจกรรมชาวลาหู่เสียชีวิต อยากให้มีการดำเนินการที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายกองทัพบก โดย ผู้บัญชาการทหารบก จึงได้สั่งการให้ กองทัพภาคที่ 3 มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อเรื่องนี้เป็นการเฉพาะคู่ขนานเพิ่มเติม โดยมี พล.ต. สมพงษ์ แจ้งจำรัส รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานคณะกรรมการฯ ซึ่งวันนี้จะได้เดินทางไปกองกำลังผาเมือง เพื่อดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ ที่ถึงแม้ว่าเรื่องดังกล่าวมีการดำเนินการไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินคดีกล่าวหาว่าคนร้ายมียาเสพติด มีการต่อสู้ และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน กับ คดีที่ทางตำรวจต้องข้อกล่าวหาว่า ได้ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต สุดท้ายก็เป็นคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพเพราะเหตุแห่งการเสียชีวิตมาจากเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งทางญาติเองถ้าติดใจสามารถตั้งทนายร่วมซักค้านได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามช่องทางด้านกฎหมายที่เปิดช่องไว้ให้ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดและเกิดความสบายใจต่อทุกฝ่าย ซึ่งจากการที่ได้ติดตามข่าวสารการเสนอของสื่อบางสำนัก มีข้อมูลอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือการกล่าวถึง การที่ด้วยสถานะส่วนตัวของนายชัยภูมิ ป่าแส ซึ่งเป็นนักกิจกรรมการกลุ่มชาติพันธุ์ชาวลาหู่ จึงคาดเดากึ่งฟันธงว่านักกิจกรรมไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวเรื่องยาเสพติดได้ กับในบางความเห็นก็แย้งมาในทำนองว่าจากประวัติเรื่องของยาเสพติดที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกยินดีสนับสนุนเพื่อพยายามคลี่คลายข้อสงสัยให้สังคมภายใต้กลไกที่มีอยู่ให้ได้อย่างดีที่สุด โดยจะเน้นอาศัยข้อเท็จจริงในแบบที่จับต้องได้หลีกเลี่ยงการใช้ความรู้สึกการคาดเดา เพื่อให้ข้อสงสัยในส่วนนี้กระจ่างมากขึ้น
สำหรับในส่วนที่ 2 เป็นเรื่องตัวบุคคล เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้มีการใช้ดุลพินิจในช่วงวินาทีวิกฤติ เป็นการตัดสินใจเฉพาะตัว ส่วนการป้องกันตัวจะสมเหตุสมผลหรือไม่ จำนวนกระสุน 1 นัด ที่ใช้ไปก็เพื่อหยุด และไม่ทราบมาก่อนว่านาย ลาหู่ เป็นนักกิจกรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิสูจน์
ทั้งนี้ พ.อ.วินธัย กล่าวด้วยว่า ผู้บัญชาการทหารบก ยินดีน้อมรับข้อสงสัยที่อาจเกิดขึ้นได้ของสังคม พร้อมให้ความกระจ่างในทุกกรณีบนพื้นฐานข้อเท็จจริง อันสุจริต อย่างตรงไปตรงมา ตามนโยบายของ ผู้บังคับบัญชาที่ให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของประชาชนทุกเรื่อง ขอให้สังคมอย่าได้ตัดสินเพียงเพราะได้รับทราบข้อมูลที่ส่งต่อกันมาเท่านั้น ขอให้ใช้สติและวิจารณญาณอย่างรอบคอบถึงที่มาของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ที่สำคัญขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกส่วนว่าจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความถูกต้อง ยุติธรรมกับทุกฝ่ายภายใต้กรอบของกฎหมายที่มี พร้อมขอให้สังคมได้พิจารณาและใช้เหตุผลในทุกมิติ ทั้ง การทำงานของในการตรวจค้น
ยาเสพติด พฤติกรรมของผู้ต้องหา สภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม กองทัพบก เข้าใจความรู้สึกของทุกฝ่าย ทั้งความเสียใจของญาติครอบครัว ที่มีความเชื่อไปอีกแบบ ส่วนเจ้าหน้าที่เองก็คงรู้สึกกดดันและไม่สบายใจเช่นกัน ซึ่งในคดีนี้ อยากขอให้ทุกฝ่ายให้เวลากับการพิสูจน์และตรวจสอบข้อเท็จจริงที่กำลังดำเนินการโดยกระบวนการยุติธรรม