จากกรณีที่สมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ได้ส่งหนังสือถึงสมาชิก เรื่องการปรับขึ้นราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม เป็น 3 บาท 20 สตางค์ โดยเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ จากราคาปัจจุบัน 2 บาท 90 สตางค์ เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานนี้เป็นวันแรก (1 มีนาคม 2565) ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ตกลงกับผู้เลี้ยงไก่ไข่ให้ตรึงราคาหน้าฟาร์มไว้ไม่ให้เกิน 3 บาท หลังจากที่มีความพยายามจะขึ้นราคามาแล้วครั้งหนึ่ง ในวันที่ 10 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จาก 2 บาท 80 สตางค์ เป็น 3 บาท อย่างไรก็ตาม หลังผ่านมาหนึ่งเดือนเศษ ผู้เลี้ยงไก่ไข่ระบุว่า ไม่สามารถแบกรับภาระได้อีก เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น โดยเฉพาะอาหารสัตว์ที่ปัจจุบันยังถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน จนกระทบต่อวัตถุดิบที่กำลังจะขาดตลาด ซึ่งจะทำให้ราคาอาหารสัตว์สูงขึ้น
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาขายไข่ไก่ตามร้านขายไข่ขายปลีกที่ตลาดสดเทศบาล 2 เขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี พบว่า ราคาขายไข่ยังคงขายอยู่ในราคาเดิม เนื่องจากไข่ไก่ที่มีอยู่นั้นเป็นราคาส่งเดิมนั่นเอง โดยพ่อค้าแม่ค้าได้เล่าให้ฟังว่า ฟาร์มไข่ไก่มีต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าอาหารที่แพงขึ้นทำให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนกันไม่ไหว ซึ่งสมาคมผู้ผลิตและส่งออกไข่ไทยได้ประกาศขึ้นราคาไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.)
และในวันนี้ไข่หน้าฟาร์มที่รับมาจากฟาร์มที่มีต้นทุนที่สูงขึ้น จึงต้องปรับราคาขายทั้งปลีกและส่งอีกแผงละ 10 บาท ทุกเบอร์ โดยขายต่ำกว่าราคาประกาศแผงละ 1 บาท เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ซึ่งทางร้านขายไข่ตั้งแต่เบอร์ 0-5 โดยราคาขายปลีกไข่ไก่เบอร์ 0 จากเดิมแผงละ 120 บาท ขึ้นเป็นแผงละ 130 บาท เบอร์ 1 จากเดิมแผงละ 110 บาท ขึ้นเป็นแผงละ 120 เบอร์ 2 จากเดิมแผงละ 100 บาท ขึ้นเป็นแผงละ 110 บาท เบอร์ 3 จากเดิมแผงละ 95 บาท ขึ้นเป็นแผงละ 100 บาท เบอร์ 4 ยังจากราคาเดิม 95 บาท ขึ้นเป็นแผงละ 100 บาท และเบอร์ 5 จากเดิมแผงละ 85 บาท ขึ้นเป็นแผงละ 90 บาท
โดยบรรดาแม่ค้านั้นต่างก็แจ้งกับลูกค้าร้านอาหารที่นำไข่ไปเป็นส่วนประกอบอาหาร และผู้บริโภคที่มาซื้อไข่ไก่แล้วว่าจำเป็นต้องขึ้นราคาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในขณะนี้ ซึ่งร้านอาหารตามสั่งนั้นจำเป็นต้องรับผลกระทบอย่างแน่นอน และจำเป็นต้องปรับราคาอาหารตามสั่งขึ้นตามอีกด้วย.