สำหรับผลการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ใน 6 คำถาม ดังนี้
1. ปัจจุบันค่าไฟฟ้าและพลังงานคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิต พบว่า อันดับที่ 1 : ต้นทุน 10 - 20% มีผู้ตอบสัดส่วน 38.7% อันดับที่ 2 : ต้นทุนน้อยกว่า 10% มีผู้ตอบ 25.3% อันดับที่ 3 ต้นทุน 20 - 30% มีผู้ตอบ 20.7%อันดับที่ 4 :ต้นทุนมากกว่า 30% มีผู้ตอบ 15.3%
2. กรณีภาครัฐมีการปรับค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ ขึ้นต่อเนื่อง จะกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับใด อันดับที่ 1 : มาก 56.7% อันดับที่ 2 : ปานกลาง 34.7% อันดับที่ 3 : น้อย 8.6%
3. ผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ* ในเรื่องใด ที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญ อันดับที่ 1 : ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่อยู่ระดับสูง 87.3% อันดับที่ 2 : ภาระค่าครองชีพของประชาชน 82.0% อันดับที่ 3 : เร่งอัตราเงินเฟ้อให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 51.3% อันดับที่ 4 : กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวหรือหยุดชะงัก 41.3%
4. มาตรการใดมีประสิทธิภาพในการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและภาคธุรกิจ จากค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ* ที่ปรับตัวสูงขึ้น อันดับที่ 1 : การคงอัตราค่า Ft รอบเดือน พ.ค. - ส.ค. 2565 80.7% อันดับที่ 2 : มาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า (Demand Response) 59.3% โดยคืนผลประหยัดไฟฟ้าที่ลดได้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าอันดับที่ 3 : ตรึงราคาขายปลีกก๊าซฯ ชั่วคราว 53.3% อันดับที่ 4 : มาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มในส่วนของผู้มีรายได้น้อย 52.7%และผู้ประกอบการ SME เช่น ส่วนลดค่าไฟฟ้า, คูปองส่วนลดราคาก๊าซฯ
5. ภาคอุตสาหกรรมควรเตรียมรับมือผลกระทบจากค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ* ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างไร อันดับที่ 1 : ปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อประหยัดพลังงาน 82.0% อันดับที่ 2 : การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงาน 76.0% เช่น Solar cell
อันดับที่ 3:นำระบบการบริหารจัดการพลังงานมาใช้ 64.7% และปรับแผนการผลิตเพื่อลดต้นทุน อันดับที่ 4 : บำรุงรักษาและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร 53.3%
6. แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมจะมีการใช้ไฟฟ้าและพลังงาน ปี 2565 อย่างไร อันดับที่ 1 : เพิ่มขึ้นจากปี 2564 77.3%อันดับที่ 2 : ทรงตัว 20.7% อันดับที่ 3 : ลดลงจากปี 2564 2.0%