ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำ (กทม.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (7 มี.ค.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 50,905 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 67 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 26,967 ล้าน ลบ.ม. มีการใช้น้ำไปแล้ว 14,814 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 66 ของแผนฯ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 11,905 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯ มีน้ำใช้การได้ 5,209 ล้าน ลบ.ม. มีการใช้น้ำไปแล้ว 4,163 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 73 ของแผนฯ ส่วนผลการทำนาปรังในช่วงฤดูแล้งปี 2564/65 ทั้งประเทศมีการทำนาปรังไปแล้วกว่า 7.40 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 115 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้วประมาณ 4.39 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 156 ของแผน
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 นี้ ปริมาณฝนอาจจะลดน้อยลง จึงได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เร่งเก็บกักน้ำในช่วงขณะนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฝนทิ้งช่วง พร้อมติดตามสภาพอากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.) เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำอย่างประณีตและสอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งตรวจสอบอาคารชลประทาน ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ หมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ เตรียมพร้อมด้านเครื่องจักรเครื่องมือให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งได้อย่างทันที ที่สำคัญทำการประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนและเกษตรกรได้รับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อให้มีน้ำเพียงพอต่อทุกกิจกรรมไปตลอดฤดูแล้งนี้