“ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์” อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ยกต้นแบบเลาขวัญ-ห้วยกระเจา แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้เบ็ดเสร็จ ด้วยนวัตกรรมเจาะสำรวจน้ำบาดาลระดับลึกในหินแข็ง 650 เมตร ได้ปริมาณน้ำเท่าความจุของเขื่อนกระเสียว แถมคุณภาพน้ำดี เหมาะใช้อุปโภคบริโภคและการเกษตร พร้อมผลักดันหนองปรือ บ่อพลอย และพนมทวน ลบคำขนานนามทั้ง 5 อำเภอว่าเป็นพื้นที่ “อีสานภาคกลาง” ตามนโยบายรัฐบาล
วันนี้ 9 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ลงพื้นที่ติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและติดตามโครงการศึกษาสำรวจจุดกระจายน้ำเพื่อประชาชนตามถนนสายหลัก/สายรองทั่วประเทศ ต.หนองปรือ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี โดยจุดแรก ได้เข้าร่วมกิจกรรม “วันคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) และประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประเด็น “แนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ”
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ (กนช.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ 5 อำเภอ จังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ เลาขวัญ ห้วยกระเจา บ่อพลอย หนองปรือ และพนมทวนอย่างมาก เนื่องจากเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสสูงที่จะเกิดฝนแล้งในช่วงฤดูแล้งปีนี้ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มากที่สุด และมอบหมาย กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเร่งจัดหาน้ำบาดาลให้แก่ประชาชนเพื่อทำการเกษตรในฤดูแล้ง ทั้งนี้ พื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งประกอบไปด้วยเลาขวัญ ห้วยกระเจา บ่อพลอย หนองปรือ และพนมทวน ถูกทอดทิ้งให้ประสบกับปัญหาแห้งแล้งขาดแคลนน้ำ ทั้งน้ำกินน้ำใช้และน้ำเพื่อการเกษตร สาเหตุเนื่องมาจากตั้งอยู่ใน เขตเงาฝน ทำให้ในแต่ละปีมีฝนตกในพื้นที่ไม่ถึง 1,000 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าน้อยมาก อีกทั้งพื้นดินประกอบด้วยดินร่วนปนทราย ทำให้เก็บน้ำไม่อยู่ ไม่สามารถสร้างฝายหรืออ่างเก็บน้ำในพื้นที่ได้ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “พื้นที่อีสานภาคกลาง” โดยตนได้พยายามแก้ไขปัญหาภัยแล้งและต้องการลบคำขนานนามว่า “อีสานภาคกลาง” ให้ได้
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวต่อว่า ตนได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน และได้รับฟังความคิดเห็น ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และมีแนวความคิดที่จะค้นหาแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก ในพื้นที่หาน้ำยาก โดยเริ่มที่ 5 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรีเป็นการเร่งด่วน โดยได้นำเทคโนโลยีการสำรวจ น้ำบาดาลระดับลึก ทั้งการสำรวจวัดค่าความต้านทานไฟฟ้าจำเพาะแบบหยั่งลึก การสำรวจแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ และเทคโนโลยีการเจาะสำรวจน้ำบาดาลระดับลึกในหินแข็ง ซึ่งสามารถเจาะได้ถึง 650 เมตร พบว่า พื้นที่ อ.เลาขวัญ บริเวณ ต.หนองฝ้าย เป็นแอ่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ที่มีความกว้างประมาณ 6 กิโลเมตร ยาวประมาณ 12 กิโลเมตร ลึกประมาณ 200 เมตร มีปริมาณน้ำกักเก็บประมาณ 500 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเทียบเท่ากับความจุของเขื่อนกระเสียว นอกจากนี้ยังค้นพบพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายคันธนู คาบเกี่ยวบริเวณ อ.บ่อพลอย และ อ.ห้วยกระเจา ซึ่งมีความกว้างประมาณ 2.5 กิโลเมตร ยาวประมาณ 23 กิโลเมตร ลึกประมาณ 300 เมตรมีปริมาณน้ำกักเก็บประมาณ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของเขื่อนกระเสียว ซึ่งมีปริมาณ สูงมากและคุณภาพน้ำดี เหมาะที่จะนำมาใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ซึ่งหากใช้ต้นแบบความสำเร็จจาก อ.เลาขวัญ และห้วยกระเจา มาผลักดันอีก 3 อำเภอที่เหลือ ได้แก่ อ.หนองปรือ บ่อพลอย และพนมทวน ในท้ายที่สุดก็จะสามารถลบคำขนานนามทั้ง 5 อำเภอว่าเป็นพื้นที่ “อีสานภาคกลาง” ให้กลายเป็นจริงได้
ต่อมาคณะฯได้เดินทางไปที่วัดเพชรสมบูรณ์ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี เพื่อติดตามโครงการศึกษาสำรวจจุดกระจายน้ำเพื่อประชาชนตามถนนสายหลัก/สายรองทั่วประเทศ ซึ่งกรมทรัพยากร น้ำบาดาลได้ดำเนินการเพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาด และการเข้าถึงน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภคเมื่อเกิดสภาวะภัยพิบัติ ขณะนี้มีการดำเนินการไปแล้วรวมทั้งสิ้น 76 แห่ง ประชาชนได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 22,500 ครัวเรือน หรือ 112,500 คน คิดเป็นปริมาณน้ำบาดาลที่สามารถพัฒนาขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่า 5,518,800 ลบ.ม.ต่อปี ช่วยให้ประชาชนไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำอุปโภคบริโภค ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนได้จำนวนมาก และที่สำคัญประชาชนทั้งในพื้นที่และที่สัญจรไปมาบนถนนสายหลัก/สายรองของประเทศ ได้รับน้ำสะอาดอย่างเท่าเทียมกัน
ทีมข่าวกาญจนบุรี