มท. ร่วมกับสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ประชุมร่วมประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดินหน้าขับเคลื่อนกิจกรรม Change for Good สร้างสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร ครั้งที่ 2 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2565 โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นางสิริพร จังตระกุล ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดขอนแก่น นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ที่ปรึกษาสมาคม นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นางจิรวรรณ เพ็ญพาส อุปนายกสมาคม นางพิชานันท์ เผือกผ่อง นางศุภกาญจน์ โรจนโสทร กรรมการบริหารสมาคม นางวราภรณ์ เสริมภักดีกุล รองประธานชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นางอมรรัตน์ สืบตระกูล ชมรมแม่บ้านกรมที่ดิน นางสุกัญญา ประจวบเหมาะ รองประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายจารึก เหล่าประเสริฐ นางสาวธนียา นัยพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมในพิธี
โอกาสนี้ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การประชุมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร เป็นดำริของ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เพื่อทำให้พี่น้องแม่บ้านมหาดไทยเกิดความรัก ความสามัคคี ความร่วมมือในการที่จะช่วยกันขับเคลื่อนสิ่งที่มีเป้าหมายเดียวกันกับทางรัฐบาล คือ “การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน และพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของทุกครัวเรือนในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณแม่บ้านมหาดไทยทุกท่านที่มีไมตรีจิตขับเคลื่อนงานของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย และงานของกระทรวงมหาดไทย ช่วยกัน Change for Good สร้างสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจที่คนทั่วไปมักเข้าใจว่าไม่สามารถทำได้ แต่พวกเราชาวมหาดไทยได้ร่วมกับสมาชิกแม่บ้านมหาดไทย แสดงความมุ่งมั่นอย่างเต็มสติกำลังในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทุกข์ยากและความยากจนของพี่น้องคนไทย ซึ่ง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญและได้เดินทางไปร่วมประชุมชี้แจงให้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด และผู้เกี่ยวข้องด้วยตนเองครบทั้ง 4 ภูมิภาค เสร็จอย่างบริบูรณ์ครบถ้วนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดขอนแก่น เมื่อวานนี้
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 โดยพระราชทานแนวพระราชดำริในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้พี่น้องประชาชนทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่อาศัยในผืนแผ่นดินไทยได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมาประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดได้ร่วมสนับสนุนให้เกิดสิ่งที่ดีตามแนวพระราชดำริอย่างดียิ่ง รวมไปถึงการช่วยดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้รับการเข้าถึงระบบการดูแลตามหลักวิชาการ แต่อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการไม่ประมาท ขอให้ได้ช่วยกันรณรงค์ส่งเสริมให้พี่น้องคนไทยและคนต่างชาติที่พักอาศัยในประเทศไทย ยังคงต้องตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล DMHTT และมาตรการความปลอดภัยสถานที่ COVID FREE SETTING ที่คณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดกำหนด นอกจากนี้ พระองค์ทรงมีพระราชดำริถึงการเรียนของนักเรียนที่หยุดเรียนในโรงเรียนเป็นเวลานาน ซึ่งการเรียนผ่านระบบออนไลน์ก็มีผลกระทบต่อการเรียนรู้ เนื่องจากความไม่เสถียรของสัญญาณอินเตอร์เน็ต ความไม่สมบูรณ์ของอุปกรณ์เครื่องมือแต่ละพื้นที่ และเทคนิคการสอนผ่านระบบออนไลน์ไม่น่าสนใจเหมือนการเรียนในห้องเรียน ส่งผลให้มาตรฐานการเรียนการสอนลดลง ซึ่งแม่บ้านมหาดไทยมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มพูนองค์ความรู้ให้กับนักเรียนในพื้นที่ได้โดยร่วมกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัด เป็นผู้นำเชิญชวนนิสิต นักศึกษา ที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัย หรือนักเรียนที่เรียนในระดับชั้นที่สูงกว่า รวมกลุ่มเป็น “คณะครูสอนพิเศษ” ใช้เวลาว่างสอนเสริมพิเศษให้กับนักเรียน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดารห่างไกล ด้วยจิตที่อยากทำความดีในลักษณะเหมือนค่ายอาสา ซึ่งมั่นใจว่าในทุกจังหวัด “รุ่นพี่สามารถดูแลน้องได้” เช่น เด็ก ม.6 ไปสอนน้อง ม.1 เป็นต้น อันเป็นการคิดริเริ่มนำพาคนที่มีจิตใจเสียสละได้มีโอกาสทำความดี ด้วยการส่งเสริมคนดีที่มีความรู้มากกว่าได้มีโอกาสสอนเด็ก ๆ รุ่นน้องที่มีความรู้น้อยกว่า สอดคล้องกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานไว้ว่า “เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่เราสามารถช่วยส่งเสริมคนดีเข้ามามีอำนาจหรือมีหน้าที่” ทั้งยังเป็นการเพิ่มพูนพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงอยากเห็น “สังคมที่เต็มไปด้วยคนดี ช่วยเหลือสังคม ด้วยความเสียสละ ไม้ได้นึกถึงผลประโยชน์ส่วนตัว” ทำให้ประเทศไทยของพวกเราเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยจิตอาสาเพิ่มมากขึ้น
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย กรมการพัฒนาชุมชน และสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ช่วยกันขับเคลื่อนแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานในสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยการรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยสวมใส่ผ้าไทย ภายใต้ชื่อ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ซึ่งมีนัยยะสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะผู้ทอผ้าในทุกถิ่นที่ของประเทศไทยที่เป็นเสาหลักในการดูแลสมาชิกทุกคนในครอบครัวให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีด้วยรายได้จากการจำหน่ายผ้าไทย และเมื่อปริมาณความต้องการ (demand side) เพิ่มมากขึ้น ก็จะไปช่วยทำให้ปริมาณการผลิต (supply side) มีจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดสิ่งที่นอกเหนือจากการมีรายได้ นั่นคือ ทำให้ลูกหลานกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ด้วยการช่วยกันรักษาภูมิปัญญา อัตลักษณ์ความเป็นไทย สืบสาน รักษา ต่อยอด สิ่งที่บรรพบุรุษถ่ายทอดมาให้ จากความคุ้นชิน ความรัก ความผูกพัน ที่อยู่ในชุมชนทอผ้า เห็นการผลิตผ้า ก็จะรู้สึกว่าเป็นประโยชน์กับชีวิต เพราะสามารถใช้หาเลี้ยงชีพได้ และเข้ามาศึกษา เรียนรู้ ฝึกหัด เป็นผู้รับมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยใช้ในการหาเลี้ยงชีพ และเป็นคนที่จะส่งต่อเรื่องขององค์ความรู้การทอผ้าต่อไปได้ เช่น นำผ้าไทยมาทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ กระเป๋า เครื่องใช้ไม้สอย โซฟา ทำให้เกิดความนิยม เกิดกระแสขึ้น จึงขอให้สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยทุกคนได้มีกำลังใจในการช่วยกันขยายผล และไปกระตุ้นปลุกเร้าให้เกิดการพัฒนา ทั้งในแง่ของการทอผ้า และวัตถุดิบในการที่จะผลิตผ้า คือ ปลูกฝ้าย ปลูกหม่อน และเลี้ยงไหม ปลูกต้นไม้ที่สามารถนำไปใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าให้มากขึ้น รณรงค์ส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน ช่วยกันเผยแพร่ส่งเสริมผ้าไทยภายในจังหวัด เช่น การจัดนิทรรศการ เชิญผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุย บอกเล่า ทำให้คนที่ยังไม่มีองค์ความรู้เรื่องผ้าไทยได้เข้าใจเรื่องของผ้าไทยได้เพิ่มขึ้น เป็นต้น
“สิ่งที่สำคัญในการมาร่วมกันระดมสมองในวันนี้ ทำให้เกิดการพูดคุย พบปะ แลกเปลี่ยน ผลการดำเนินงาน ผลงานตัวอย่าง ตามบริบทของแต่ละจังหวัด ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดการเรียนรู้แล้ว ยังส่งผลให้เกิดความรักสามัคคี เกิดพลังในการ Change for Good ให้กับสังคมไทยอย่างทวีคูณ ขับเคลื่อนไปสู่การร่วมไม้ร่วมมือกันในแต่ละจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน สร้างสิ่งที่ดีไปสู่พี่น้องประชาชนให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ๆ ด้วยการสื่อสารสังคม สร้างความรับรู้เข้าใจกับพี่น้องประชาชนสังคมในวงกว้าง ซึ่งงานที่พวกเรากำลังทำนั้น เป็นงานเพื่อพี่น้องคนไทย ที่อยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัวมหาดไทย จึงขอให้พวกเราทุกคนใช้ภาวะ “ผู้นำต้องทำก่อน” ให้เกิดขึ้นเป็นต้นแบบในสังคม นำมวลสมาชิกแม่บ้านมหาดไทยและพี่น้องประชาชนสร้างสิ่งที่ดีให้กับประเทศชาติ ซึ่งความสำเร็จอยู่ในมือแม่บ้านมหาดไทยแทบทั้งสิ้น และยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ทุกท่านสามารถเป็นบุคคลสำคัญที่จะเพิ่มพูนสิ่งที่ดี Change for Good ให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัด ขับเคลื่อนความสุขให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย
ด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า สมาคมแม่บ้านมหาดไทยให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนงาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เคียงข้างผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมการประชุมสมาคมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร 4 ภาค ประจำปี 2565 ซึ่งในวันนี้เป็นการสัญจร ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้เน้นย้ำนโยบายการปฏิบัติงานตามวัตถุประสงค์และนโยบายของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้แก่ 1) โครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร น้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ปลูกผักสวนครัว โดยถ้าคนไทย 12 ล้านครัวเรือนปลูกผักสวนครัวในครัวเรือน จะทำให้ประหยัดวันละ 50 บาท เป็นเงินรวมกว่า 600 ล้านบาท ใน 1 ปีลดรายจ่ายกว่า 200,000 ล้านบาท และยังส่งเสริมสุขภาพจากผักปลอดสารพิษ ทำให้สุขภาพดีขึ้น 2) โครงการส่งเสริมการใช้ผ้าไทย น้อมนำแนวพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ซึ่งถ้าคนไทย 35 ล้านคน ร่วมมือกันสวมใส่ผ้าไทย จะทำให้มีความต้องการใช้ผ้าไทยถึง 350 ล้านเมตรต่อปี เฉลี่ยราคาเมตรละ 300 บาท จะส่งผลให้เกิดเม็ดเงินจากผ้าไทยกว่าปีละ 105,000 ล้านบาท 3) การส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 4) โครงการ “ครอบครัวมหาดไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ทั้งเรื่องการคัดแยกขยะ ทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนให้ได้ปุ๋ยอินทรีย์ และการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเพื่อลดโลกร้อน และ 5) รณรงค์ส่งเสริมการสร้างสุขอนามัยให้แก่เด็กเล็กและแม่ เติบโตอย่างถูกต้องตามเกณฑ์มาตรฐานสุขลักษณะ