กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รายงานสถานการณ์ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทําให้ประเทศไทยตอนบน มีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้กําลังอ่อนพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทําให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่
โดยตั้งแต่วันที่ 13 - 20 มี.ค.มีสถานการณ์ในพื้นที่ 31 จังหวัด ได้แก่ ตาก เชียงใหม่ พิษณุโลก เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ลำปาง เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน เลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู
กาฬสินธุ์ ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ อุบลราชธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี นครสวรรค์ และอ่างทอง รวม 85 อำเภอ 192 ตำบล 605 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 5,003 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย (ศรีสะเกษ) ไม่มีผู้เสียชีวิต
แยกเป็น ภาคเหนือ 12 จังหวัด 39 อำเภอ 116 ตำบล 440 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,224 หลัง ดังนี้ ตาก เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.พบพระ อ.สามเงา และอ.เมืองตาก รวม 6 ตำบล 11 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 184 หลัง เชียงใหม่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่แจ่ม อ.จอมทอง และอ.เชียงดาวรวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 37 หลัง
พิษณุโลก เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ชาติตระการ และอ.วังทอง รวม 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 43 หลัง เชียงราย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สรวย และอ.เวียงป่าเป้า รวม 10 ตำบล 32 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 125 หลัง
พะเยา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพะเยา อำเภอปง อำเภอแม่ใจ อำเภอจุน อำเภอภูกามยาว และอำเภอดอกคำใต้ รวม 32 ตำบล 204 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2,636 หลัง
น่าน เกิดวาตภัยในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.ท่าวังผา อ.เชียงกลาง อ.แม่จริม อ.เมืองน่าน อ.ภูเพียง และอ.เวียงสา รวม 21 ตำบล 52 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 305 หลัง แพร่ เกิดวาตภัยในพื้นที่อ.วังชิ้น รวม 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 93 หลัง อุตรดิตถ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อ.ฟากท่า รวม 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 31 หลัง
กำแพงเพชร เกิดวาตภัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองกำแพงเพชร อ.โกสัมพีนคร อ.คลองขลุง อ.ขาณุวรลักษณบุรี อ.ไทรงาม อ.บึงสามัคคี อ.ลานกระบือ และอ.ทรายทองวัฒนา รวม 25 ตำบล 97 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 713 หลัง ลำปาง เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วังเหนือ อ.เถิน และอ.สบปราบ รวม 5 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 13 หลัง
เพชรบูรณ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.หล่มเก่า และอ.เมืองเพชรบูรณ์ รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 42 หลัง แม่ฮ่องสอน เกิดวาตภัยในพื้นที่อ.เมืองแม่ฮ่องสอน รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2 หลัง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 จังหวัด 30 อำเภอ 56 ตำบล 135 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 684 หลัง ดังนี้ เลย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเลย และอ.ปากชม รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 28 หลัง หนองคาย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.รัตนวาปี และอ.เมืองหนองคาย รวม 5 ตำบล 20 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 40 หลัง
อุดรธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อ.บ้านผือ รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 16 หลัง หนองบัวลำภู เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนากลาง และอำเภอศรีบุญเรือง รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 28 หลัง กาฬสินธุ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อ.หนองกุงศรี รวม 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 63 หลัง
ยโสธร เกิดวาตภัยในพื้นที่อ.เลิงนกทา รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 6 หลัง อำนาจเจริญ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ชานุมาน และอ.เสนางคนิคม รวม 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 53 หลัง สุรินทร์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.รัตนบุรี อ.บัวเชด และอ.กาบเชิง รวม 6 ตำบล 13 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 121 หลัง
อุบลราชธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สำโรง อ.ศรีเมืองใหม่ และอ.น้ำยืน รวม 5 ตำบล 6 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 34 หลัง ชัยภูมิ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองชัยภูมิ อ.หนองบัวแดง อ.เทพสถิต อ.เนินสง่า และอ.บ้านเขว้า รวม 9 ตำบล 22 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 150 หลัง นครราชสีมา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.โนนสูง อ.ด่านขุนทด อ.พิมาย อ.โนนไทย และอ.ประทาย รวม 12 ตำบล 25 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 81 หลัง
ศรีสะเกษ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.กันทรารมย์ อ.ภูสิงห์ และอ.โพธิ์ศรีสุวรรณ รวม 5 ตำบล 14 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 64 หลัง
ภาคตะวันออก 1 จังหวัด 4 อำเภอ 7 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 15 หลัง ปราจีนบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีมโหสถ อ.นาดี อ.ศรีมหาโพธิ และอ.กบินทร์บุรี รวม 7 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 15 หลัง
ภาคกลาง 6 จังหวัด 12 อำเภอ 13 ตำบล 21 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 80 หลัง ดังนี้
อุทัยธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้านไร่ อ.หนองหย่าง และอ.เมืองอุทัยธานี รวม 4 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 19 หลัง ชัยนาท เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.หนองมะโมง อ.หันคา และอ.วัดสิงห์ รวม 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 44 หลัง
สระบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.มวกเหล็ก และอ.หนองแซง รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 7 หลัง นครสวรรค์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อ.ไพศาลี รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2 หลัง สิงห์บุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองสิงห์บุรี และอ.พรหมบุรี รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง อ่างทอง เกิดวาตภัยในพื้นที่อ.ไชโย รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5 หลัง
ซึ่ง ปภ.ได้ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สำรวจ ความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ท้ายนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง