วานนี้ (21 มีนาคม 2565) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการ MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง ร่วมพิธีเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ สวนเบญจกิติ โดยเป็นความร่วมมือในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าชนิด AC Normal Charger ขนาด 22 kW หัวชาร์จ AC Type 2 จำนวน 2 เครื่อง เพื่อรองรับการใช้งานแก่ประชาชน โดยในช่วงต้นนี้ MEA จะยังไม่มีคิดค่าบริการในการอัดประจุแต่อย่างใด สวนเบญจกิติ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญ และเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตามนโยบายของรัฐบาลมุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society )
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร ได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดมลพิษทางอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และต้องการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
(Low carbon Society) และได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่งเป็นผู้ประสานงานและนำร่องโครงการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สวนสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร…และสวนป่า “เบญจกิติ” เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่พักผ่อนของคนเมืองที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยกรุงเทพมหานครได้รับมอบให้เป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาและบริหารจัดการ และในแต่ละวันจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งในวันจันทร์ – ศุกร์ มีผู้ใช้บริการโดยเฉลี่ย ประมาณ 4,000 คน/วัน และในวันหยุดมีผู้ใช้บริการมากกว่า 10,000 คน/วัน ซึ่งกิจกรรมที่ผู้มาใช้บริการนิยมทำได้แก่ การออกกำลังกาย การถ่ายภาพ และการศึกษาธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งเหมาะที่จะเป็นพื้นที่นำร่องโครงการความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและการไฟฟ้านครหลวง เพื่อตอบสนองนโยบายและร่วมกันผลักดันให้ประชาชนผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสะดวก สามารถค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) รวมถึงสั่งจองสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) หรือหัวจ่ายประจุไฟฟ้าล่วงหน้าผ่านแอพพลิเคชั่นได้ โดยสวนป่าเบญจกิติ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-20.00 น. ประชาชนสามารถเข้ามาชาร์จไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าวได้และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการส่งเสริมการพัฒนาสถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้าแบบสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้งาน ส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนยานพาหนะมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และจะขยายวงกว้างไปยังสวนสาธารณะ ลานจอดรถ และสถานที่ราชการอื่น ๆ ตามลำดับ เพื่อให้ครอบคลุมทุกการเดินทางของผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครต่อไป
รองผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้นำการขับเคลื่อนการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง MEA ครบรอบ 10 ปี EV มุ่งมั่นขับเคลื่อน วิสัยทัศน์พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการเตรียมความพร้อมรองรับการใช้ยานยนต์พลังไฟฟ้าทดแทนรถยนต์น้ำมันในอนาคตอันใกล้นี้ ภายใต้โครงการ "มหานครสดใส ชาร์จไฟกับ กฟน." ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ในการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 100 หัวชาร์จ และขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ให้มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้งานหัวชาร์จ MEA EV ที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้บริการหัวชาร์จที่สะดวกผ่าน MEA EV Application ปัจจุบัน MEA ได้ดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 22 สถานีชาร์จ ที่ทำการไฟฟ้านครหลวงเขตต่าง ๆ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และที่บริเวณ 7-Eleven สาขาบ้านสวนลาซาล (ศรีนครินทร์) และ สาขา สน.บางขุนนนท์ และจะดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV แล้วเสร็จครบทุกจุดในเดือนธันวาคม 2565 นี้ ทั้งนี้ MEA ในฐานะหน่วยงานที่ขับเคลื่อนตามแผนงานด้านพลังงานของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ดำเนินนโยบายในด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการติดตั้งและพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าของ MEA พร้อมเชื่อมต่อ Platform ระบบบริหารจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะ วิเคราะห์ข้อมูลการชาร์จ และเชื่อมต่อกับ MEA EV Application รองรับการใช้งานและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด MEA EV Application ได้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ได้ที่http://https://onelink.to/meaev
สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจใช้บริการออกแบบและติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยของ MEA สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ MEA Call Center 1130 รวมถึงแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : MEA Connect, Twitter: @mea_news, และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง